พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ของเรากับผู้ให้บริการด้วย หน้านี้มีลิงก์ affiliate
หมายเหตุ:
รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญ

vpnMentor มีบทวิจารณ์ที่เขียนโดยนักวิจารณ์ในชุมชนของเรา โดยผู้ตรวจสอบจะทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์/บริการอย่างเป็นอิสระและเป็นมืออาชีพ

ความเป็นเจ้าของ

vpnMentor ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2014 ในฐานะเว็บไซต์อิสระที่ทำการรีวิว VPN และแจ้งข่าวสารสำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานของนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ นักเขียน และบรรณาธิการกว่าร้อยชีวิต ยังคงยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะช่วยต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระบนโลกออนไลน์ด้วยการร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจจะถูกรีวิวบนเว็บไซต์นี้ด้วย

ค่าคอมมิชชั่นพันธมิตร การโฆษณา

vpnMentor มีบทวิจารณ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวด รวมถึงมาตรฐานทางจริยธรรม มาตรฐานดังกล่าวกำหนดว่าการตรวจสอบแต่ละครั้งจะต้องมาจากการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบที่เป็นอิสระ ซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพ แต่เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อผู้ใช้ทำการซื้อโดยใช้ลิงก์ที่อยู่ในเว็บของเรา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในหน้ารายการเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามระบบของผู้ตรวจสอบ แต่ยังพิจารณาข้อเสนอแนะที่ได้รับจากผู้อ่านของเราและข้อตกลงทางการค้ากับผู้ให้บริการด้วย

แนวปฏิบัติการรีวิว

บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา มาตรฐานดังกล่าวทำให้มั่นใจได้ว่าการตรวจสอบแต่ละครั้งนั้นทำโดยผู้ตรวจสอบอิสระ ด้วยความเป็นมืออาชีพและซื่อสัตย์และยังคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ บทวิจารณ์ การจัดอันดับที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา

9 บริการ VPN แนะนำสำหรับประเทศไทยใน 2023

Kristina Perunicic อัปเดตเมื่อ 26/09/2023 ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย เบ็น ลอว์สัน บรรณาธิการอำนวยการ
สารบัญ
ไม่มีเวลามานั่งอ่านฉบับเต็มใช่ไหม? นี่คือบริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2023

ExpressVPN — VPN ที่เร็วที่สุด ปลอดภัย ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการสตรีมและราคาไม่แพง รับส่วนลด49%ด้วยข้อเสนอพิเศษนี้ได้เลย

การหา VPN ที่ให้บริการได้ดีในทุกด้านนั้นอาจทำได้ยาก บาง VPN อาจเหมาะสำหรับแค่การสตรีมและขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยบางอย่างไป บางบริการอาจมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดี แต่มีความเร็วที่ต่ำเกินไปทำให้ใช้งานได้ไม่สะดวก แถมยังมี VPN มากมายที่ไม่น่าเชื่อถือ แอบติดตามกิจกรรมการใช้งานของคุณหรือไม่สามารถเข้ารหัสข้อมูลได้อย่างที่ควรอีกด้วย

เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและไม่ทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยาก ทีมผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของเราได้ใช้เวลาหลายเดือนในการทดสอบกว่า 300 บริการ VPN เพื่อตัดสินว่าในภาพรวมแล้วบริการไหนที่ดีที่สุด สำหรับประเทศไทย

VPN เหล่านี้เหมาะสำหรับการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น เพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อล่าช้าและทำให้กิจกรรมของคุณเป็นส่วนตัว บางบริการยังให้บริการได้ดีมากพอที่จะใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการใช้งานอีกด้วย

TLDR: ตัวเลือกที่ดีที่สุดของเราคือ ExpressVPN เพราะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุดและมีความเร็วที่เหมาะสำหรับดารสตรีม ทอร์เรนต์และเกม นอกจากนี้บริการยังมุ่งมั่นในการช่วยให้กิจกรรมของคุณปลอดภัยและเป็นส่วนตัวอีกด้วย

คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยด้วยการรับประกันคืนเงิน 30 วัน หากคุณไม่พอใจกับบริการ คุณสามารถขอคืนเงินได้อย่างง่ายดาย

ทดลองใช้งาน VPN อันดับ #1 ที่เราแนะนำได้เลยวันนี้

ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือบริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ 2023

  1. ExpressVPN — ปลอดภัย รวดเร็วและน่าเชื่อถือสำหรับทุกกิจกรรม รวมถึงการใช้งานทั่วไป สตรีมและทอร์เรนต์
  2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากเพื่อให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นและใช้งานได้อย่างไร้ข้อจำกัด
  3. Private Internet Access — มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัวเลือกในการปรับแต่งจำนวนมาก
  4. NordVPN — ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมถึงโปรโตคอล NordLynx ที่เป็นของตนเองซึ่งจะทำให้คุณใช้งานได้ในความเร็วสูง แต่แอปบนเดสก์ท็อปนั้นดูค่อนข้างรก
  5. Surfshark — ฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นหนึ่งที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในราคาไม่แพง แต่ตั้งอยู่ในประเทศพันธมิตร 9/14 Eyes

และอีก 4 บริการ VPN ที่ดีที่สุด

บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย — การวิเคราะห์ฉบับเต็ม (อัปเดตล่าสุด 2023)

เรามีทีมงานอยู่ใน 40 ประเทศทั่วโลก เราได้ทำการสอบสอบบริการ VPN มากมายหลายบริการเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อดูว่าบริการใดที่ให้บริการได้ดีที่สุดในด้านความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เราใช้งาน ดาวน์โหลด สตรีมและทอร์เรนต์เป็นเวลาหลานสัปดาห์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ VPN แต่ละรายการและนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นให้กับคุณ

1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในด้านความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

  • บริการ VPN ที่เร็วที่สุดที่พวกเราได้ทดสอบมาซึ่งเป็นเพราะโปรโตคอล Lightway ของพวกเขาเอง
  • บริการมีมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 8 อุปกรณ์
  • การันตีคืนเงิน 30 วัน
  • สามารถเข้าถึง : Netflix (อเมริกา ไทยและไลบารียอดนิยมอื่น ๆ ), Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu, ช่อง ONE 31, ช่อง 7 และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปและส่วนขยายเบราเซอร์ในภาษาไทย
  • บริการช่วยเหลือผ่านไลฟ์แชทและอีเมล์ในภาษาไทย: การช่วยเหลือทางอีเมลและแชทให้บริการโดยเครื่องมือแปลอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงสามารถสื่อสารกับตัวแทนในภาษาที่คุณต้องการได้
ส่วนลด ExpressVPNตุลาคม 2023: มีเวลาจำกัด คุณสามารถรับส่วนลด ExpressVPNได้มากถึง49% ! อย่าพลาดข้อเสนอสุดพิเศษ!

ExpressVPN เป็น VPN ที่ให้บริการได้ดีที่สุดในทุกด้าน นอกจากนี้ยังมีความเร็วสูงและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งอีกด้วย นั่นเป็นเพราะบริการมีโปรโตคอล Lightway ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่เร็วกว่าและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโปรโตคอลอื่น ๆ

คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล Lightway ได้ในการตั้งค่าแอปหรือจะใช้ VPN เลือกโปรโคอลที่เหมาะกับเครือข่ายของคุณโดยอัตโนมัติก็ได้ นอกจากนี้ยังมีโปรโตคอล OpenVPN, IKEv2 และ L2TP/IPsec ให้บริการอีกด้วย

ฉันทำการทดสอบโปรโตคอล Lightway ใน 5 เซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียง ความเร็วปกติของฉันอยู่ที่ 53.34 Mbps และความเร็วเฉลี่ยเมื่อเชื่อมต่อ VPN อยู่ที่ 48.95 Mbps ความเร็วลดลงโดยเฉลี่ย 8% ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าบริการอื่น ๆ ที่ฉันได้ทดสอบอย่างมาก

ฉันประทับใจอย่างมากเมื่อทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในลอนดอน แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์นั้นจะอยู่ห่างจะฉันหลายพันไมล์ แต่ความเร็วของฉันก็ลดลงเพียง 45 Mbps

Screenshot of ExpressVPN's speed test results from 4 worldwide server locationsฉันสามารถรับชม BBC iPlayer ได้ในความคมชัด 4K เมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN ในลอนดอน

เหมาะสำหรับการสตรีมในทุกอุปกรณ์

ExpressVPN มีมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ในทั่วโลกได้ เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่นี้ช่วยไม่ให้เกิดการล่าช้าที่เกิดจากการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์เดียวกันเป็นจำนวนมาก

ฉันสามารถเข้าถึงไลบารี Netflix ใน 10 ประเทศได้ รวมถึงอังกฤษ, อเมริกา, ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย และมันใช้งานได้ดีมากเมื่อฉันลองเข้าถึง Disney+ ที่เป็นที่รู้กันว่าบริการนี้มีการปิดกั้นการเข้าถึงที่แข็งเกร่งมาก

และเพื่อช่วยให้คุณสามารถสตรีมได้ในหลายอุปกรณ์ ExpressVPN มีฟีเจอร์ Smart DNS ที่มีชื่อว่า MediaStreamer ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมได้มากขึ้นในอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการใช้งาน VPN อย่างเกมคอนโซลและสมาร์ททีวี ฟีเจอร์นี้จะไม่เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือนำเสนอความปลอดภัยเพิ่มเติม แต่มันตั้งค่าได้ง่ายมาก ๆ  ฉันสามารถติดตั้งและใช้งานบน PlayStation ได้ในไม่ถึง 5 นาทีและสามารถเข้าถึง Netflix US, Disney+, Hulu และ BBC iPlayer ได้อย่างง่ายดาย

ใช้งานได้ง่ายและมีฟีเจอร์จำนวนมาก

แอป ExpressVPN นั้นใช้งานและติดตั้งได้ง่ายมาก ฉันใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการติดตั้งบน Windows PC ของฉัน เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ฉันก็เปิดแอปขึ้นมาและคลิกไปที่ "เชื่อมต่อ" เพื่อทำการเชื่อมต่อ VPN ฉันชอบความเรียบง่ายและหน้าตาที่ดูปราดเปรียวของส่วนขยายเบราเซอร์และมันยังช่วยให้คุณสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่พร็อกซี่ (เหมือนของบริการอื่น ๆ )

ฟีเจอร์ Split tunneling ของ ExpressVPN ให้คุณสามารถเลือกว่าแอปใดที่ต้องการเชื่อมต่อผ่าน VPN และแอปใดที่ไม่ต้องการ ฉันทดสอบโดยทำการ Netflix โดยไม่ผ่านการเชื่อมต่อและทำการ BitTorrent ผ่าน VPN มันใช้เวลาตั้งค่าไม่นานและฉันก็สามารถดาวน์โหลดทอร์เรนต์ได้ด้วยความเร็วที่ดี

เมื่อพูดถึงการทอร์เรนต์ ExpressVPN รองรับการ P2P ในเครือข่ายทั้งหมด ฉันใช้เซิร์ฟเวอร์ในฮูสตัวเพื่อดาวน์โหลดไฟล์หนังที่มมีขนาด 790MB ได้ในประเทศ 3 นาที บริการไม่ได้จำกัดเซิร์ฟเวอร์สำหรับทอร์เรนต์ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีการใช้งานจำนวนมาก

แต่ ExpressVPN ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน คุณสามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 8 อุปกรณ์ แต่ VPN อื่น ๆ ให้คุณสามารถเชื่อมต่อได้ 10 หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม 8 จำนวนอุปกรณ์เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่แล้ว แม้ว่าคุณจะแบ่งปันบัญชีกับเพื่อนหรือคู่ชีวิต คุณก็ยังสามารถเชื่อมต่อ VPN ได้คนละ 2-3 อุปกรณ์

ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม

ExpressVPN ช่วยให้คุณปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ความความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับชั้นนำ บริการนำเสนอการป้องกันการรั่วไหลของ DNS, IP และ WebRTC  ฉันทดสอบการรั่วไหลผ่านเครื่องมืออนไลน์ ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่าการเชื่อมต่อทั้งหมดของฉันถูกส่งผ่าน VPN และตำแหน่งที่แท้จริงของฉันไม่ถูกเปิดเผย

หากการเชื่อมต่อยุติลง Kill switch (Network Lock) อัตโนมัติจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล ฟีเจอร์นี้จะตัดการเชื่อมต่อของคุณจนกว่าคุณจะทำการเชื่อมต่อกับ VPN ใหม่อีกครั้ง

Leak test results showing ExpressVPN does not reveal user IPการเปลี่ยนหมายเลข IP จะช่วยปกป้องคุณจากแฮ็คเกอร์ เครื่องมือติดตามและภัยคุกคามบนอินเตอร์เน็ต

ExpressVPN ใช้การเข้ารหัส 256-bit AES พร้อมกับ SHA512 hashing และ 4096-bit RSA key การผสมผสานนี้จะทำให้เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะมีแฮ็กเกอร์คนไหนสามารถมาเข้าถึงข้อมูลของคุณได้

นอกจากนี้ยังมีการป้องกันอีกชั้น ตรงที่มันใช้ perfect forward secrecy โดยมีคีย์การเข้ารหัสแบบ dynamic นี่หมายความว่า ถ้าเกิดคีย์การเข้ารหัสของคุณเกิดการรั่วไหลออกไปจริง ๆ มันก็จะไม่สามารถถูกนำไปใช้กับข้อมูลในอดีตหรือในอนาคตได้ คุณสามารถสบายใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณนั้นจะถูกรักษาเอาไว้อย่างปลอดภัย

ExpressVPN ใช้เทคโนโลยี TrustedServer เพื่อเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคุณ  นั่นหมายความว่าบริการใช้เซิร์ฟเวอร์ RAM เท่านั้น ซึ่งจะลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อเซิร์ฟเวอร์มีการรีบูต VPN ส่วนใหญ่จะจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไว้ในฮาร์ดไดร์ฟ ซึ่งต้องทำการลบข้อมูลด้วยตัวเอง เซิร์ฟเวอร์ทั่วไปยังทำให้การอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยล่าสุดทำได้ยากขึ้นอีกด้วย เทคโนโลยี TrustedServer ช่วยให้มั่นใจว่าแต่ละเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้อย่างมาก

นอกจากนี้ ExpressVPN ยังตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินซึ่งเป็นเหมือนสวรรค์ด้านความเป็นส่วนตัว และอยู่นอกพื้นที่ของเครือข่ายสอดแนมระหว่างรัฐบาลนานาชาติอย่างพันธมิตร Eyes ด้วย ที่นั่นไม่มีกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเก็บหรือนำข้อมูลของคุณไปแบ่งปันกับใคร

ExpressVPN นั้นยังผ่านการตรวจสอบจากองค์กรด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์เป็นประจำอีกด้วย โปรโตคอล Lightway, แอป และส่วนขยายเบราว์เซอร์ของมันนั้นต่างก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยเป็นที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ExpressVPN นั้นยังมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวดอีกด้วย — ซึ่ง KPMG ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าทำตามนโยบายจริงเมื่อปีค.ศ. 2022

นักวิจัยในเอเชียของเรายังได้ทดสอบความสามารถในการทำงานในสถานที่ที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด ฉันประทับใจที่บริการนี้ไม่เหมือนกับ VPN อื่น ๆ ที่สามารถใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือในประเทศจีน แต่เราไม่สนับสนุนการฝ่าฝืนกฎหมายใด ๆ ดังนั้นโปรดอ่านกฎหมายในพื้นที่ของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ VPN อย่างผิดกฎหมาย

ส่วนลดและการรับประกันที่น่าเชื่อถือ

ข้อเสียอย่างเดียวของ ExpressVPN ก็คือ บริการมีราคาแพงกว่าบริการอื่น ๆ แผนรายปีมีราคาถูกที่สุด $6.67/เดือน แผนรายเดือนและแผน 6 มีฟีเจอร์เหมือนกัน แต่มีราคาที่แพงกว่า อย่างไรก็ตาม ExpressVPN นำเสนอส่วนลดอยู่เป็นประจำและบางครั้งก็แถมบริการฟรีให้อีกหลายเดือนอีกด้วย เมื่อฉันสมัครใช้บริการ 1 ปี ฉันก็ได้รับบริการฟรีเพิ่มเติม 3 เดือน

คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยด้วยการรับประกันคืนเงิน 30 วัน หากบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณก็สามารถขอเงินคืนได้อย่างง่ายดาย หลังจากทดลองใช้งานไปได้ 27 วัน ฉันก็ขอเงินคืนผ่านบริการไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมง กระบวนการขอเงินคืนก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ตัวแทนแถมฉัน 2-3 คำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน จากนั้นก็อนุมัติการคืนเงินให้ในทันที ฉันได้เงินกลับเข้าบัญชีของฉันหลังจากผ่านไปเพียง 2 วัน

ทดลองใช้งาน ExpressVPN เลยตอนนี้

2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับการเล่นเกม สตรีมมิ่ง และโหลด torrent อย่างมีความเสถียร

  • เซิร์ฟเวอร์พิเศษมากมายที่จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณไม่ว่าคุณจะทำกิจกรรมออนไลน์ใด ๆ ก็ตาม
  • บริการมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 9,561 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ(และเซิร์ฟเวอร์ในกรุงเทพ) เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้ในทั่วโลก
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 7 อุปกรณ์
  • การันตีคืนเงิน 45 วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix (อเมริกา อังกฤษและอื่น ๆ อีกมากมาย), Amazon Prime Video, Hulu, Disney+ , HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อเสนอตุลาคม 2023 : CyberGhost กำลังนำเสนอส่วนลด84% จากแผนยอดนิยม! ใช้ประโยชน์จากส่วนลดนี้และประหยัดเงินค่าสมัครบริการเพิ่มขึ้นกับ CyberGhost

CyberGhost นั้นเป็นหนึ่งในบริการ VPN ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน — และเซิร์ฟเวอร์พิเศษของมันก็ทำให้มันเหมาะมากสำหรับใช้เข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง เซิร์ฟเวอร์พิเศษแต่ละแห่งจะถูกระบุไว้ชัดเจนว่าทำงานได้ดีที่สุดสำหรับแพลตฟอร์มใด คุณสามารถค้นหามันได้จากแถบด้านซ้ายของแอป ภายใต้ "For Streaming (สำหรับสตรีมมิ่ง)"

ในระหว่างการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ Netflix ในอเมริกาของ CyberGhost  เซิร์ฟเวอร์นี้ช่วยให้ฉันสามารถเข้าถึง Netflix ได้โดยไม่ถูกบล็อก ฉันสามารถรับชม Ozark ได้ 3 ตอนได้อย่างรวดเร็วและไม่มีการสะดุดใด ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ พบว่าเซิร์ฟเวอร์พิเศษของ CyberGhost นั้นสามารถเข้าถึง Disney+, BBC iPlayer, Amazon Prime Video และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

CyberGhost's Windows app displaying where to find its specialty serversคุณยังสามารถเพิ่มเซิร์ฟเวอร์พิเศษไว้ใน "รายการ” โปรดเพื่อเข้าถึงในครั้งต่อไปได้อย่างง่ายดาย

แถม CyberGhost ยังมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับใช้เล่นเกมและโหลด torrent อีกด้วย เซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมนั้นได้รับการปรับแต่งให้มีค่าปิงต่ำและมีความเร็วที่เสถียร ในอีกทางหนึ่ง เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ P2P นั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้ดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็วพร้อมช่วยรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ไปในเวลาเดียวกัน

เซิร์ฟเวอร์ทอร์เรนต์แต่ละเซิร์ฟเวอร์จะแสดงระยะห่างจากตำแหน่งของคุณ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาตัวเลือกในบริเวณใกล้เคียง ฉันใช้ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ปานามา (ใกล้ที่สุด) เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ 600MB ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

CyberGhost มีตัวเลือก IP เฉพาะที่คุณสามารถใช้ได้โดยมีค่าธรรมเนียมรายเดือนเล็กน้อยเช่นกัน มันคือหมายเลข IP "ส่วนบุคคล" อีกประเภทหนึ่ง ที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่เข้าถึงได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถหลีกเลี่ยงความแออัดบนเซิร์ฟเวอร์และป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ตรวจพบว่าเป็นการเชื่อมต่อผ่าน VPN โดยมีหมายเลข IP ในอเมริกา อังกฤษ แคนาดา เยอรมนีและฝรั่งเศส

ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับชั้นนำ

CyberGhost จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณนั้นมีความเป็นส่วนตัว อย่างแรกเลย มันมีสำนักงานตั้งอยู่ในโรมาเนีย — นอกพื้นที่ของพันธมิตร 5, 9, และ 14 Eyes — ที่ซึ่งกฎหมายในประเทศไม่บังคับให้ต้องเก็บข้อมูลของคุณ

และมันก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่ในโรมาเนียและถูกบริหารจัดการโดยพนักงานของ CyberGhost เอง การใช้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสที่ข้อมูลของคุณจะรั่วไหลหรือถูกดักจับได้

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเก็บเอาไว้ มันผ่านการตรวจสอบโดย Deloitte — ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบชื่อดังระดับโลก — ผู้ที่ได้สรุปแล้วว่า CyberGhost นั้นเป็น VPN ที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลจริง พวกเขาได้พบว่าบริษัท VPN นี้ไม่ทำการติดตามหรือบันทึก: เว็บไซต์ที่คุณเข้าชม, เซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก, วันที่หรือระยะเวลาการทำกิจกรรม, ที่อยู่ IP, คำขอ DNS หรือการดาวน์โหลด

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องคุณจากอาชญากรและภัยคุกคามอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัส AES 256-bit, Perfect Forward Secrecy, การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Kill switch

ฉันทดสอบ Kill switch โดยเปลี่ยนการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในขณะที่กำลังสตรีมวิดีโอ YouTube ทันทีที่การเชื่อมต่อ VPN ของฉันถูกขัดจังหวะ ฉันถูกตัดการเชื่อมต่อจากเครือข่าย ฉันได้รับการแจ้งเตือนว่า CyberGhost บล็อกการรับส่งข้อมูลของฉันชั่วคราวจนกว่าการเชื่อมต่อ VPN ของฉันจะกลับมาเป็นปกติ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณจะไม่รั่วไหล แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

CyberGhost นำเสนอโปรโตคอลความปลอดภัยระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึง OpenVPN และ WireGuard โปรโตคอล OpenVPN นั้นเป็นโปรโตคอลที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีความปลอดภัยและความเร็วที่สมดุลซึ่งทำให้เหมาะสำหรับวัตถุประสงค์การใช้งานส่วนใหญ่ แต่ว่า WireGuard ก็เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าและการเข้ารหัสที่ทันสมัยกว่า มันเป็นตัวเลือกที่ฉันชื่นชอบมาก ฉันดีใจมากที่เห็นว่าบริการนำเสนอตัวเลือกนี้ด้วย

แอปที่ใช้งานได้ง่ายและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว

CyberGhost มีแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับระบบปฏิบัติการยอดนิยม แต่ละแอปสามารถปรับแต่งได้เพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือบล็อกเนื้อหาในตัว ที่จะช่วยป้องกันโฆษณาและตัวติดตามที่เป็นอันตรายจากการทำอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ

ฉันยังพบว่าฟีเจอร์ Smart Rules มีประโยชน์อย่างมากอีกด้วย มันช่วยให้คุณปรับแต่งวิธีการและเวลาที่แอปปกป้องการเชื่อมต่อของคุณ ตัวอย่างเช่น ฉันตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN โดยอัตโนมัติเมื่อฉันเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย Smart Rules ยังช่วยให้คุณตั้งค่า "ข้อยกเว้น" ที่ทำงานคล้าย ๆ กับฟีเจอร์ Split tunneling อีกด้วย

CyberGhost's Windows app displaying how to enable the built-in adblockerการตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ CyberGhost ในแอปนั้นสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ

CyberGhost นั้นมีความเร็วที่สูงมาก ทำให้คุณสามารถสตรีม เล่นเกม และ torrent ได้อย่างไม่ถูกขัดจังหวะ ตอนที่เราได้ลองทดสอบเซิร์ฟเวอร์ใกล้ ๆ 3 แห่ง (ไมอามี่ แอตแลนต้า และชิคาโก้) เราก็ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 45 Mbps เรายังได้ลองเซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะในนิวยอร์กเพื่อเล่น Call of Duty: Warzone ออนไลน์โดยค่าปิงก็มีความเสถียรอยู่ที่ราว ๆ 41 ms ระหว่างที่ลองเล่นอยู่เป็นชั่วโมงนั้นก็มีอาการแลคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ต่อไปฉันทดสอบตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล 3 แห่งในเยอรมนี ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่นและเยอรมนีรักษาความเร็วได้สูงกว่า 39 Mbps เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลียมีความเร็วลดลงเหลือ 18 Mbps ซึ่งเป็นการสูญเสียความเร็วที่เยอะมากพอสมควร แต่โชคดีที่ CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 150 ตำแหน่งในออสเตรเลีย ดังนั้นฉันจึงสามารถสลับเซิร์ฟเวอร์และค้นหาการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นได้

ข้อเสียเล็กน้อยอย่างหนึ่งก็คือ CyberGhost ไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศที่มีการจำกัดการใช้งานที่เข้มงวด เช่น จีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างไรก็ตามคุณควรพิจารณาประเด็นนี้หากคุณอาศัยอยู่หรือวางแผนที่จะไปเยือนประเทศใดประเทศหนึ่งที่กล่าวมา

แพลนราคาถูกและรับประกันนานเป็นพิเศษ

การสมัครสมาชิกนั้นมีราคาไม่แพง คุณสามารถ รับบริการจาก CyberGhost ได้ในราคาเพียง $2.11/เดือน สำหรับแพลนการสมัครสมาชิกที่ยาวที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะมีแพลนแบบรายเดือน แต่มันก็จะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยในแต่ละเดือน และก็จะมีการรับประกันคืนเงินเพียงแค่ 14 วัน เพื่อที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากที่สุด เราแนะนำให้คุณเลือกใช้แพลนระยะยาวที่สุด

แพลนระยะยาวนั้นจะยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 45 วัน อีกด้วย และเราก็ได้ทดลองขอคืนมาเองกับมือแล้ว เราได้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าผ่านไลฟ์แชท 24/7 เพื่อขอคืนเงิน ทางตัวแทนก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี และก็ถามคำถามเราเพียงไม่กี่ข้อเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานของเรา หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้รับการอนุมัติคืนเงิน และเราก็ได้เงินคืนเข้าบัญชีภายใน 4 วัน

ทดลองใช้งาน CyberGhost ได้เลยตอนนี้

3. Private Internet Access — สามารถปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้คุณสามารถจัดสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัยได้

  • การตั้งค่าที่มีความยืดหยุ่น จะช่วยปรับแต่งความเร็วและความปลอดภัยของคุณได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละกิจกรรม
  • บริการมีมากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้ในทั่วโลก
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์
  • การรับประกันเงินคืน 30 วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปและส่วนขยายเบราเซอร์ในภาษาไทย
อัพเดท ตุลาคม 2023 : ส่วนลด PIA ไม่ได้มาบ่อย ๆ (ราคาถูกอยู่แล้ว) แต่ตอนนี้คุณสามารถรับบริการพร้อมส่วนลด82% !

Private Internet Access (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PIA) นำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในราคาไม่แพง ซึ่งทำให้บริการนี้ได้รับความิยมอย่างมากในสองสามปีที่ผ่านมา

ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้ตามใจคุณ

PIA นั้นจะเปิดให้คุณสามารถควบคุมการเชื่อมต่อได้เป็นอย่างสูง ทำให้คุณสามารถปรับแต่งมันได้ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกระหว่างโปรโตคอล VPN ที่พบเจอได้บ่อยที่สุดอย่าง: OpenVPN และ WireGuard ในการที่จะได้รับความเร็วที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง เราเปลี่ยนไปใช้ WireGuard ซึ่งในการทดสอบของเรานั้นทำงานได้ดีกว่า OpenVPN ในด้านความเร็วถึง 9%

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เราจะเข้าถึงบัญชีธนาคาร เราก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล OpenVPN ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า สำหรับการเชื่อมต่อของ OpenVPN คุณจะมีตัวเลือกเกี่ยวกับระดับการเข้ารหัส ไม่ว่าจะเป็น 128-bit หรือ 256-bit เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้รับการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลลับของเรา เราจึงเพิ่มระดับการเข้ารหัสเป็น 256-bit

และเพื่อเป็นการเพิ่มการป้องกันเข้าไปอีกขั้น เราจึงเปิดใช้งาน "การสื่อสารแบบหลายฮอป" เพื่อเปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อของเราผ่านพร็อกซี่ SOCKS5 เพิ่มจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อีกด้วย PIA ทำให้เราสามารถเพิ่มความคุ้มกันได้หลายชั้นอย่างง่ายดาย และตอนที่ไม่จำเป็นแล้วเราก็สามารถนำออกได้

นอกจากนี้ PIA ยังมีเครื่องมือบล็อกมัลแวร์ที่มีชื่อว่า MACE ซึ่งช่วยปกป้องคุณจากมัลแวร์และไวรัสต่าง ๆ ได้ฉันได้ทำการทดสอบโดยการเข้าไปใช้งานในเว็บทอร์เรนต์ที่มีโฆษณาจำนวนมาก และเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ และฉันประทับเป็นอย่างมากที่ MACE สามารถให้บริการได้อย่างดีเยี่ยม

PIA Windows app displaying how to customize different security features and enable MACEเพื่อเปลี่ยนระดับการเข้ารหัส คุณต้องใช้โปรโตคอล OpenVPN

เรื่องหนึ่งที่ควรทราบไว้ก็คือ PIA นั้นมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรในแง่ของความเป็นส่วนตัว — แต่มันก็ผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดมาแล้ว เช่นเดียวกันกับ CyberGhost Deloitte รายงานว่า PIA ได้ทำตามนโยบายความเป็นส่วนตัวตามสัญญา และก็เป็น VPN ที่ไม่ได้บันทึกข้อมูลจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น PIA เคยถูกขอให้ส่งข้อมูลผู้ใช้งานให้หลายครั้งแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ พวกเขาจึงไม่มีข้อมูลที่จะแบ่งปันให้กับใคร

ความเร็วสูงสำหรับการสตรีมและดาวน์โหลด

ในขณะที่เราทดสอบเครื่องมือบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์ทอร์เรนต์ เราก็ได้ทดสอบความสามารถในการทอร์เรนต์ของ VPN ด้วย PIA อนุญาตให้แชร์ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดและมีการตั้งค่า SOCKS5 แบบ multi-hop ในตัวที่ช่วยให้คุณมีปลอดภัยเป็นพิเศษในขณะที่ทอร์เรนต์ นอกจากนี้ยังมี Port Forwarding ซึ่งช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับ peers ได้มากขึ้นอีกด้วย สิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดทอร์เรนต์ของคุณ

เนื่องจากบริการโฆษณาว่ามีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของตนเองเกือบ 30,000 เซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุด เราจึงคาดหวังความเร็วที่รวดเร็วจากบริการ และ Private Internet Access ก็ทำได้จริง ๆ

ไม่เพียงแต่ความเร็วของ PIA จะสูงพอสำหรับการดาวน์โหลดที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังเร็วพอที่จะสตรีมในรูปแบบ HD โดยไม่มีการสะดุดหรือกระตุกเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เทคโนโลยีป้องกันการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ทำให้ฉันสามารถเข้าถึง Netflix ในอเมริกาและอังกฤษ, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video และเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้

PIA's Windows app displaying different server optionsฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับให้เหมาะสำหรับการสตรีมนั้นสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ

คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากเท่าที่คุณต้องการด้วย PIA และมันก็สามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ทั้งหมด เราชอบที่ส่วนขยาย Chrome ของมันนั้นมีตัวบล็อกคุกกี้เพื่อป้องกันไม่ให้การท่องเว็บของคุณนั้นถูกติดตาม Split tunneling ก็มี แต่เฉพาะสำหรับเดสก์ท็อปและ Android (iOS ไม่มี)

การช่วยเหลือลูกค้าและทรัพยากรที่ยอดเยี่ยม

แอปของ PIA นั้นใช้งานง่ายมาก แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม คุณสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าผ่านฟีเจอร์ไลฟ์แชทได้ ทุกครั้งที่ฉันถามคำถาม ฉันได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์และรวดเร็วจากตัวแทน แต่หากคุณต้องการหาทางออกเอง คุณก็ยังมีฐานความรู้ขนาดใหญ่ของคำถามที่พบบ่อย คำแนะนำและคู่มือการตั้งค่าที่ให้ความรู้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

โดยรวมแล้ว Private Internet Access นั้นมีความคุ้มค่ามากสำหรับผู้ที่เป็นห่วงเรื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว — คุณสามารถรับบริการได้ในราคาเพียง $2.11/เดือน เมื่อสมัครใช้งานแพลนระยะยาว PIA นั้นเปิดให้เชื่อมต่อได้พร้อมกันไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ซึ่งก็แปลว่าคุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ในครอบครัวทั้งหมดได้ด้วยการสมัครสมาชิกบัญชีเดียว ด้วยการใช้ประโยชน์จากการรับประกันคืนเงิน คุณจะสามารถ ทดลองใช้ PIA ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน

ทดลองใช้งาน Private Internet Access เลยตอนนี้

4. NordVPN — โปรโตคอล NordLynx สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงทั้งระยะใกล้และไกล

  • โปรโตคอลที่พัฒนาขึ้นเอง (NordLynx) มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและความเร็วสูง
  • 5,880 เซิร์ฟเวอร์ใน 60 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) สำหรับใช้ปลดบล็อกเนื้อหาทั่วโลกได้จากทุกแห่ง
  • เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 6 อุปกรณ์
  • รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ

NordVPN มีโปรโตคอลเอ็กซ์คลูซีฟชื่อ NordLynx ซึ่งมีความเร็วที่น่าประทับใจและมีความปลอดภัยระดับชั้นนำ มันใช้โปรโตคอล WireGuard ที่มีความเร็วสูงเป็นฐานและลบเรื่องช่องโหว่ด้านความเป็นส่วนตัวออกไป ด้วยการใช้ระบบ double NAT (Network Address Translation) การเชื่อมต่อของคุณจึงมีความปลอดภัยโดยที่ไม่มีการเก็บข้อมูลบ่งชี้ตัวตนของคุณไว้บนเซิร์ฟเวอร์ VPN

NordLynx นั้นมีความเร็วสูงมากสำหรับทั้งพื้นที่ใกล้เคียงและที่อยู่ทั่วโลก ด้วยความเร็วฐานที่ 52.46 Mbps เราได้เริ่มทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ห่างไกลและความเร็วเฉลี่ยก็ตกมาอยู่ที่ 45.21 Mbps  ระหว่างฮ่องกงกับออสเตรเลีย (อยู่ห่างจากเราเป็นพันไมล์) ความเร็วเฉลี่ยระหว่างเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไม่ไกล 4 เซิร์ฟเวอร์ (1 ที่ในคอสตาริก้า และ 3 ที่ในสหรัฐอเมริกา) อยู่ที่ 43.52 Mbps

Speed test showing starting speeds versus NordVPN's speeds while connected to Hong Kongถึงแม้ว่าจะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไปครึ่งโลก ความเร็วก็ยังสูงพอสำหรับการสตรีมมิ่งในความชัดระดับ UHD

ฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครมากมาย

Meshnet (โดย NordLynx) จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านทางอุโมงค์เข้ารหัสได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถแชร์ไฟล์ระหว่างแต่ละอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เข้าถึงโฟลเดอร์จากคอมพิวเตอร์ที่บ้านในขณะที่คุณเดินทาง

NordVPN นั้นมีตัวบล็อกโฆษณาแบบบิ้วท์อินที่ชื่อว่า Threat Protection (ในอดีตชื่อว่า CyberSec) เพื่อที่จะทำการทดสอบ เราได้ลองเข้าเว็บที่มีโฆษณาเยอะ ๆ อย่าง forbes.com พอเราเปิดใช้งานตัวบล็อกโฆษณาแล้ว บนหน้าเว็บเพจ (ซึ่งก่อนหน้านี้จะเต็มไปด้วยโฆษณาและโหลดช้า) ก็กลายเป็นไม่มีโฆษณาและโหลดได้เร็วมาก

แถม ฟีเจอร์ Threat Protection ของมันยังช่วยป้องกันมัลแวร์ไม่ให้มาติดในอุปกรณ์ของคุณด้วย — ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อ VPN ก็ตาม และการตรวจสอบ Dark Web ก็จะคอยแจ้งเตือนคุณ ถ้าหากว่าที่อยู่อีเมลของคุณ (ซึ่งเชื่อมต่อกับบัญชี VPN) นั้นไปปรากฏอยู่บน Dark Web

ฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ประกอบไปด้วย kill switch ที่มี 2 การตั้งค่า (สำหรับอินเทอร์เน็ตและแอป หรือทั้งสองอย่าง) การเข้ารหัส 256-bit และการป้องกันการรั่วไหล DNS/IP และ NordVPN ยังมีเซิร์ฟเวอร์ DNS เป็นของตนเอง เพื่อช่วยดูแลไม่ให้ใครมาติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ นอกจากนี้การสื่อสารแบบหลายฮอปและเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการทำ obfuscation นั้นจะยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในขณะที่คุณท่องเว็บอีกด้วย แต่ NordVPN นั้นไม่สามารถใช้งานในจีนได้

NordVPN นั้นทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้วถึงสามครั้ง ครั้งล่าสุดถูกตรวจสอบโดยองค์กรด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Deloitte เมื่อธันวาคม ค.ศ. 2022 NordVPN นั้นทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล 100% การที่มันตั้งอยู่ที่ปานามา ประเทศที่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการให้เก็บข้อมูล ก็ยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจได้ว่ากิจกรรมของคุณที่ทำผ่าน VPN นั้นจะมีความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด

VPN ที่ดีมากสำหรับสตรีมมิ่งและโหลด torrent

ความสามารถในการปลดบล็อกเว็บไซต์ของ NordVPN นั้นทำให้มันเหมาะสำหรับใช้สตรีมมิ่งมาก เราทดสอบดูกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่เราชื่นชอบอย่าง Netflix, HBO Max และ Hulu เราสามารถเข้าถึงได้ทุกแพลตฟอร์ม — เราสามารถปลดบล็อกบัญชี Netflix สหรัฐอเมริกา, BBC iPlayer, และ RTL+ ของเราได้

ไม่ใช่ว่าทุกเซิร์ฟเวอร์จะรองรับการโหลด torrent แต่มันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ P2P ตั้งอยู่ในหลายประเทศ เพื่อให้คุณใช้ดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเสถียร คุณสามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดได้ด้วยการใช้ split tunneling หรือการเชื่อมต่อพร็อกซี่ SOCKS5 ของมัน

ใช้งานง่าย ฝ่ายดูแลลูกค้าตอบสนองไว

การติดตั้งแอปนั้นก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไรเรื่องอินเทอร์เฟซที่ดูใหญ่เทอะทะกินพื้นที่หน้าจอมาก ๆ อย่างไรก็ตามฟีเจอร์แผนที่โลกนั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับช่วยค้นหาและเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์

เราแนะนำแพลนระยะยาวราคา $2.99/เดือน เพื่อที่จะประหยัดเงินมากที่สุด มีตัวเลือกระยะสั้นให้เลือกแต่มันจะแพงกว่า

นอกจากนี้การสมัครสมาชิกทั้งหมดก็จะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้ เราใช้ไลฟ์แชท 24/7 ในการขอคืนเงิน ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมา 28 วันแล้ว เธอก็ยังตกลงคืนเงินให้เรา และเราก็ได้เงินคืนเข้าบัญชีธนาคารภายใน 5 วัน

ทดลองใช้ NordVPN วันนี้

5. Surfshark — VPN ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในราคาไม่แพง

  • เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำของโลกเพื่อช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์
  • 3,200 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ (และมีอยู่ในประเทศไทยด้วย) เพื่อไว้สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว
  • ไม่จำกัด การเชื่อมต่อพร้อมกัน
  • รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ, Amazon Prime Video, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ
  • อีเมลและไลฟ์แชทฝ่ายบริการลูกค้าสามารถติดต่อได้เป็นภาษาไทยเพราะมีฟีเจอร์ช่วยแปลภาษา

พอเห็นว่ามันมีราคาถูกขนาดนี้ มันก็ยิ่งน่าประทับใจมากที่ Surfshark นั้นมีหนึ่งในฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงที่สุดของอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch, Perfect Forward Secrecy และการป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS หลังจากที่ทดสอบดู 8 เซิร์ฟเวอร์แล้ว เราก็โล่งอกที่ไม่พบการรั่วไหลใด ๆ.

SurfShark's Windows app displaying a variety of security featuresInvisible on Lan (ล่องหนบน Lan) นั้นก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับใช้ปิดบังอุปกรณ์ของคุณจากเครือข่ายในบริเวณ (LAN)

คุณสามารถเลือกโปรโตคอลที่มีชื่อเสียงได้มากมายด้วย — WireGuard, OpenVPN และ IKEv2 เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คุณก็สามารถเปิดใช้งานการสับเปลี่ยนหมุนเวียน IP ซึ่งจะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณทุก ๆ 5-10 นาที มันจะไม่รบกวนการเชื่อมต่อของคุณในขณะที่เปลี่ยนไปที่อยู่ IP ใหม่ CleanWeb เป็นโบนัสแถมที่ดีมาก มันช่วยป้องกันโฆษณา ตัวติดตาม มัลแวร์ และการฟิชชิง มันพึ่งได้รับการอัปเดตเมื่อไม่นานมานี้เพื่อให้บล็อกป๊อปอัพที่ขออนุญาตคุกกี้น่ารำคาญนั่น

ฟีเจอร์ NoBorders (ไร้พรมแดน) ก็จะช่วยให้คุณใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระ ด้วยการเปิดใช้งานอัตโนมัติตอนที่มันตรวจพบการจำกัดการเข้าถึงในเครือข่าย มันจะแจ้งรายการเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้ดีที่สุดในการหลบหลีกปัญหาแบบนั้น ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแอปที่ถูกบล็อกได้อย่างเป็นส่วนตัวและมีความเสถียร ยิ่งไปกว่านั้น Camouflage Mode ก็จะทำการ obfuscation ให้ทราฟฟิคของคุณ เพื่อทำให้คุณไม่ถูกตรวจพบ

สตรีมมิ่งได้เร็วและมีความเสถียร

Surfshark นั้นมีความเสถียรด้านการปลดบล็อก เราสามารถเข้าถึง Netflix สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ, HBO Max และ Amazon Prime Video ได้ตอนที่เดินทางอยู่ต่างประเทศ

'Fastest location' (ตำแหน่งที่เร็วที่สุด) จะช่วยทำให้เราได้รับความเร็วสูงสุดสำหรับการสตรีมมิ่งและการเล่นเกม ด้วยการใช้ฟีเจอร์ประเทศที่ใกล้ที่สุด เราจึงได้เชื่อมต่อไปยังคอสตาริก้า นี่ทำให้เราได้ความเร็วอยู่ที่ 39.23 Mbps — เราดู The boy in the striped pajamas บน Netflix คอสตาริก้าได้อย่างไม่มีการบัฟเฟอร์ และเรายังได้ทดสอบอีก 3 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งก็มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 35 Mbps อย่างไรก็ตาม นิวซีแลนด์กับไทย นั้นช้ากว่ามากด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ 16.32 Mbps

มันยังเป็น VPN สำหรับโหลด torrent ที่ดีอีกด้วย เพราะฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและความเร็วสูง เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ P2P ได้อย่างไม่มีปัญหาและก็ดาวน์โหลดไฟล์ 1 GB เสร็จภายใน 6 นาทีด้วยความเร็วดาวน์โหลดเฉลี่ยที่ 23.7 Mbps

ความเป็นส่วนตัวดีแต่ก็ยังดีกว่านี้ได้

เราค่อนข้างเป็นห่วงตอนที่พบว่า VPN นี้ตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกของพันธมิตร 14 Eyes อย่างไรก็ตาม มันใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ และก็จะมีการล้างข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เป็นประจำ เหมือนกับ NordVPN นอกจากนี้ Surfshark นั้นก็ยังทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบอิสระโดย Deloitte ในปี 2022 ดังนั้นเราก็เลยรู้สึกมั่นใจว่าข้อมูลละเอียดอ่อนของเรานั้นจะถูกเก็บไว้เป็นส่วนตัว

แพลนต่าง ๆ นั้นมีราคาเป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า เริ่มต้นแค่ $2.69/เดือน เพียงแค่เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยในแต่ละเดือน คุณจะสามารถอัปเกรดไปใช้ Surfshark One ได้ นี่จะรวมโปรแกรมแอนตี้ไวรัส เบราว์เซอร์ที่เป็นส่วนตัวและไม่มีโฆษณา (Search) และ Alert — ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณถ้ามันตรวจพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคุณรั่วไหล

Surfshark เปิดให้คุณลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน ด้วยการรับประกันคืนเงิน ตอนที่เราทดสอบเรื่องนี้ ตัวแทนทางไลฟ์แชท 24/7 ก็ทำเรื่องขอคืนเงินให้เรา และเราก็ได้รับเงินคืนในบัตรเครดิตก่อนจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

ทดลองใช้ Surfshark วันนี้

6. IPVanish — การเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อป้องกันสำหรับทุกอุปกรณ์

  • เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์เพื่อให้ได้รับการปกป้องทั้งครอบครัว
  • บริการมีมากกว่า 2,200 เซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 75 ประเทศ ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์และแพลตฟอร์มที่ถูกปิดกั้นได้
  • รับประกันคืนเงิน 30 วัน
  • เข้าถึงได้: Netflix, Hulu, Disney+, HBO Max และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • การช่วยเหลือผ่านอีเมล์และไลฟ์แชทในทุกภาษา: IPVanish ใช้เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติเพื่อให้คุณสามารถพูดคุยกับตัวแทนได้ในภาษาไทย

IPVanish จะเปิดให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนด้วยการสมัครสมาชิกบัญชีเดียว — เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ในการทดสอบของเรา เราทำการเชื่อมต่อ Windows PC, Macbook, iPhones สองเครื่อง, และแท็บเล็ต Android ไปพร้อม ๆ กัน แต่เราก็ไม่เจอปัญหาหรือความเร็วตกเลย ถึงแม้จะใช้ทุกเครื่องไปพร้อม ๆ กัน

IPVanish รักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณด้วยมาตรฐานการเข้ารหัสที่รัดกุม ประเภทของการเข้ารหัสขึ้นอยู่กับโปรโตคอลที่คุณเลือก: OpenVPN, IKEv2, WireGuard, L2TP, IPSec หรือ PPTP แต่ละโปรโตคอลเหล่านี้มีข้อดีและข้อเสียสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน แต่ OpenVPN และ WireGuard มักจะให้ความปลอดภัยและความเร็วที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ยังมี Kill switch ที่เชื่อถือได้ การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Split tunneling แต่ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานบนแอป Android เท่านั้น หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Scramble เพื่อพรางการรับส่งข้อมูลและซ่อนการใช้งาน VPN ได้ น่าเสียดายที่ IPVanish ไม่มีการป้องกันมัลแวร์ เครื่องมือบล็อกโฆษณาหรือฟีเจอร์ multi-hop

ค้นหาตำแหน่งและเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดได้โดยอัตโนมัติ

IPVanish ไม่ใช่ VPN ที่ซับซ้อนและมีการตั้งค่าที่ปรับแต่งได้ไม่มาก แต่นั่นก็หมายความว่าแอปสามารถใช้งานได้ง่ายมาก ฉันชอบฟีเจอร์ "Best Available Server" มาก คุณแค่ต้องเลือกตำแหน่งที่ต้องการและ IPVanish จะค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดให้คุณ หากคุณไม่มีเมืองที่ต้องการ คุณสามารถใช้ตัวเลือก "Best Available City" เพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในประเทศใดก็ได้

Screenshot showing IPVanish's ฉันเชื่อมต่อกัยเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในอเมริกา ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีหมายเลข IP อยู่ในนิวยอร์ค

IPVanish มีมากกว่า 2,200 เซิร์ฟเวอร์ในทั่วโลก ฉันทำการทดสอบความเร็วใน 7 เซิร์ฟเวอร์และความพบว่าความเร็วในเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นมันน่าประทับใจมาก ความเร็วที่ต่ำที่สุดที่ฉันเจอคือ 10 Mbps ซึ่งมากพอสำหรับการสตรีมในแบบ HD โดยไม่สะดุด

แต่ละเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันทดสอบช่วยให้ฉันสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งในภูมิภาคที่ฉันอาจถูกบล็อก เช่น Netflix แคนาดาและ Disney+ ได้ IPVanish สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ในบริการสตรีมมิงยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย

ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

มันจะต่างจาก VPN อื่น ๆ ในรายการนี้ตรงที่ IPVanish นั้นเป็นเจ้าของและบำรุงรักษาเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดเอง นี่หมายความว่า คนที่จะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ VPN ได้ก็มีแต่พนักงานของ IPVanish เท่านั้น — คุณจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องบุคคลที่สามที่จะแอบมาเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และดูดข้อมูลของคุณไป

เนื่องจาก IPVanish ใช้งานได้ง่าย คุณจึงไม่น่าจะพบปัญหาใด ๆ แต่ถ้าคุณพบปัญหาใด ๆ คุณสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าผ่านการไลฟ์แชท อีเมลหรือโทรศัพท์ได้ ฟีเจอร์ไลฟ์แชทพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและแม้ว่าคุณจะต้องพูดคุยกับบอทก่อนจะติดต่อกับคนจริง ๆ เราก็พบว่ามันเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก

นอกจากความเร็วสูง การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์แล้ว บริการยังมีราคาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย (โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $2.99/เดือน) นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันเพื่อให้คุณสามารถทดลองใช้ IPVanish ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย

ทดลองใช้ IPVanish ได้เลยตอนนี้

7. PrivateVPN — VPN ที่ดีแต่มีเครือข่ายขนาดเล็ก

  • บริการมีมากกว่า 200 เซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน10อุปกรณ์
  • การรับประกันเงินคืน30วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, BBC iPlayer, Sky Go, Sling TV และ Fox Go

PrivateVPN มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ค่อนข้างเล็ก แต่มีหลายเซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น

ความเร็วที่ดีสำหรับการสตรีม

ฉันและทีมได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในอังกฤษ อเมริกา อิตาลีและออสเตรเลีย เพื่อดูว่า PrivateVPN สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นและบริการสตีมมิ่งได้หรือไม่ เราได้ทดสอบใช้งาน Netflix อเมริกา, Sling TV และ BBC iPlayer และบริการก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด

Screenshot of watching Top Gear on BBC iPlayer using PrivateVPN's UK serverความเร็วของ PrivateVPN นั้นมาพอให้ฉันสามารถรับชม Top Gear บน iPlayer ได้โดยไม่มีแลค

เราได้ทำการทดสอบความเร็วของ PrivateVPN และเราก็พบว่าบริการใช้งานได้ดีที่สุดเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีตำแหน่งใกล้เคียงกับคุณ  ซึ่งเป็นเรื่องธรรมของ VPN การเชื่อมต่อจะทำให้ความเร็วลดลงและยิ่งลดลงมากขึ้นเมื่อเราทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล แต่ถึงอย่างนั้นการเชื่อมต่อของเราก็ยังเร็วพอสำหรับการใช้งานและสตรีมแบบ HD ได้อย่างราบรื่น ฉันยังสังเกตเห็นว่าแอปต่าง ๆ ได้รับการออกแบบมาอย่างเรียบง่ายและใช้งานง่าย

นโยบานความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดและฟีเจอร์เพิ่มเติม

PrivateVPN ตั้งอยู่ในสวีเดนและมุ่งมั่นที่จะให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ แม้ว่าจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ภายในเขตอำนาจศาล 14-Eyes แต่บริการก็ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานอย่างเข้มงวด ซึ่งหมายความว่าบริการไม่สามารถให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับคุณได้ เนื่องจากบริการไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม พร้อมการเข้ารหัส AES 256-bit และโปรโตคอลความปลอดภัย 5 แบบให้เลือก

เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม PrivateVPN นำเสนอ Kill switch และการป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 และ DNS นอกจากนี้ยังมีโหมด Stealth VPN ที่ออกแบบมาเพื่อเลี่ยงการบล็อก VPN และไฟร์วอลล์ DPI เรารู้มาว่าโหมด Stealth ใช้งานได้จริงเพราะทีมงานของเราในประเทศจีนยืนยันมาว่าสามารถใช้งานได้

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการที่มีข้อเสนอที่ดีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว คุณอาจต้องการพิจารณา PrivateVPN (แผนระยะยาวมีราคาแค่ $2/เดือน) นอกจากนี้บริการยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันที่ช่วยให้คุณทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจได้ว่าบริการนี้เหมาะกับคุณหรือไม่

ทดลองใช้งาน PrivateVPN ได้เลยตอนนี้

8. Proton VPN — มีแค่ฟีเจอร์ธรรมดาทั่วไป แต่น่าเชื่อถือและปลอดภัย

  • บริการมีมากกว่า 3,025 เซิร์ฟเวอร์ใน 69 ประเทศ
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน10อุปกรณ์
  • การรับประกันเงินคืน30วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, HBO Max และ BBC iPlayer

Proton VPN มีมากกว่า 3,025เซิร์ฟเวอร์ใน 69 ประเทศ บริการสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมทั่วไปได้ เช่น Netflix, Hulu และ Amazon Prime Video แต่ไม่สามารถเข้าถึง Disney+ และ ESPN ได้ในระหว่างทำการทดสอบ

ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

Proton VPN ใช้โปรโตคอล OpenVPN และการเข้ารหัส AES 256-bit นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์และมีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งหมายความว่าบริการจะไม่จัดเก็บข้อมูลใด ๆ หรือกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และถึงแม้บริการจะเก็บข้อมูลไว้ รัฐบาลก็ไม่สามารถขอข้อมูลใด ๆ ได้เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของประเทศ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Proton VPN แตกต่างจากบริการอื่นก็คือเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ที่เราได้ทดสอบในรีวิว Proton VPN นี้ มันเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยสูง ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยอย่างในไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์และสวีเดน ซึ่งประเทศเหล่านี้มีกฏหมายด้านความเป็นส่วนตัวที่เอื้ออำนวย

Screenshot of the Proton VPN app using ความเร็วของคุณจะลดลงเมื่อใช้ฟีเจอร์ "Secure Core” แต่มันจะเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้คุณอีกชั้นหนึ่ง

Proton VPN ให้ตัวเลือกแก่คุณในการกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ก่อน จากนั้นจึงส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN อื่นก่อนที่จะถึงปลายทาง มันคือฟีเจอร์ multi-hop แต่ได้รับการเพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพด้วยเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันจะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงอย่างมาก

ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และแผนฟรีที่มีข้อจำกัด

ด้วยแผน Plus คุณจะสามารถเชื่อมต่อได้มากถึง 10 อุปกรณ์ในครั้งเดียว ซึ่งอุปกรณ์จำนวนเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ Proton VPN มีฟีเจอร์โปรไฟล์การเชื่อมต่อที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งการเชื่อมต่อ VPN ในแบบที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P โปรโตคอลที่คุณต้องการและตั้งชื่อว่าเป็นเชื่อมต่อสำหรับการ "ทอร์เรนต์" และเรียกใช้การเชื่อมต่อนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการดาวน์โหลดไฟล์

คุณสามารถทดลองใช้ Proton VPN ได้โดยใช้เวอร์ชันฟรี มันมีข้อมูลไม่จำกัดและคุณไม่จำเป็นต้องดูโฆษณาเพื่อใช้งาน แต่แผนบริการฟรีไม่รองรับการทอร์เรนต์ และไม่อนุญาตให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นส่วนใหญ่ (นอกจากนี้ความเร็วในการเชื่อมต่อยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่) ฉันขอแนะนำให้เลือกใช้แผนชำระเงินแทน

แผน Plus มาพร้อมกับทุกอย่างที่ Proton VPN นำเสนอ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ Secure Core, การรองรับ Tor และเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ 10 Gbps  ถ้าคุณต้องการแค่ VPN แค่อย่างเดียว คุณสามารถเลือกใช้แผนระยะยาว ซึ่งมีราคาที่ $4.99/เดือน หรือจะเลือกใช้ Proton VPN คู่กับบริการอื่น ๆ ของ Proton เช่นอีเมล์เข้ารหัส ปฏิทินและบริการคลาวด์โดยมีค่าบริการเพิ่มเติม

ProtonVPN เป็นบริการที่เสถียรและให้การเข้ารหัสที่เหมาะสมและสามารถปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจำนวนหนึ่งได้ คุณสามารถทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยใช้การรับประกันคืนเงิน 30วัน

ทดลองใช้งาน Proton VPN ได้เลยตอนนี้

9. Hotspot Shield — ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่ไม่ทำให้ความเร็วลดลง

  • บริการมีมากกว่า 1,800 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า80 ประเทศ
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 5 อุปกรณ์
  • รับประกันเงินคืน 45 วัน
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, Vudu, Sky Go และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • การช่วยเหลือผ่านอีเมล์และไลฟ์แชทในภาษาไทย: ทีมงานจะใช้เครื่องมือแปลภาษาในตัวเพื่อสื่อสารกับคุณในทุกภาษา

Hotspot Shield ขึ้นชื่อในเรื่องความเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากโปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริการ นั่นคือ Catapult Hydra โปรโตคอลนี้ใช้การเข้ารหัส AES 256-bit เช่นเดียวกับ OpenVPN แต่ฉันพบว่ามันเร็วกว่ามาก เมื่อฉันทดสอบ ฉันมีความเร็วเมื่อไม่เชื่อมต่ออยู่ที่ 57 Mbps หลังจากเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงโดยใช้ Catapult Hydra ความเร็วของฉันลดลงเหลือแค่ 54 Mbps เท่านั้น ฉันไม่สังเกตเห็นผลกระทบใด ๆ ต่อการเชื่อมต่อของฉัน

แม้แต่ในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลก็ยังรักษาความเร็วของฉันไว้ได้  ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในทั่วโลก 4 เซิร์ฟเวอร์ ในเยอรมัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและอเมริกา และฉันมีความเร็วเฉลี่ยที่ 49 Mbps แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นจะอยู่ห่างจากฉันออกไปหลายพันไมล์ แต่ความเร็วในการเชื่อมต่อนั้นยังเร็วมากพอที่จะสตรีมในความคมชัดแบบ Ultra HD

Screenshots of speed tests on long-distance servers using Hotspot Shieldความเร็วของฉันลดลงแค่ประมาณ 14% เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล Hotspot Shield ให้ความเร็วที่น่าประทับใจมาก

Hotspot Shield ใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ซึ่งรวมถึงการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Kill switch เพื่อช่วยปกปิดข้อมูลของคุณในทุกสถานการณ์ แต่คุณต้องเปิดใช้งาน Kill switch ด้วยตนเองในการตั้งค่าความปลอดภัยของแอป แต่วิธีนี้ทำได้ง่ายมาก นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้ยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์และเว็บฟิชชิ่งในตัวอีกด้วย

Hotspot Shield มีฟีเจอร์ Perfect Forward Secrecy ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ข้อมูลในอดีตและอนาคตของคุณถูกถอดรหัสได้ ในกรณีที่คีย์เซสชันปัจจุบันของคุณถูกเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก

บริการสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งส่วนใหญ่ได้ ยกเว้น Hulu

Hotspot Shield เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีม เพราะมันสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ได้ (เกือบ) ทั้งหมด บริการนำเสนอ 1,800 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 80 ประเทศ ดังนั้นคุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการทดสอบ ฉันถึงลองเข้าถึง Netflix ของอเมริกา อังกฤษและญี่ปุ่น นอกจากนี้ฉันยังสามารถเข้าถึง Disney+ และ Amazon Prime Video ได้อีกด้วย เว็บไซต์เดียวที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก็คือ Hulu

คุณยังสามารถใช้ Hotspot Shield บนสมาร์ททีวีหรือคอนโซลเกมได้ด้วยการตั้งค่าบนเราเตอร์ ฉันพบคำแนะนำที่ง่ายต่อการปฏิบัติตามบนเว็บไซต์ และภายในไม่กี่นาที ฉันก็สามารถตั้งค่าการใช้งานบนเราเตอร์ ASUS ของฉันได้ มันทำให้ฉันสามารถใช้ VPN บน Apple TV และช่วยให้ฉันรับชม The Mandalorian บน Disney+ บนหน้าจอขนาดใหญ่ได้

Hotspot Shield รองรับ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทอร์เรนต์ ฉันทดสอบแล้วและพบว่าการดาวน์โหลดนั้นทำได้รวดเร็ว ฉันยังไม่พบการใช้งานที่มากเกินไปในเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากบริการไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่ในเซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P เพียงไม่กี่เครื่องเท่านั้น

ข้อเสียอย่างของบริการก็คือ นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Hotspot Shield ที่ค่อนข้างคลุมเครือ อย่างไรก็ตามจากการค้นคว้าเพิ่มเติม ฉันพบว่าบริการไม่ได้บันทึกข้อมูลใด ๆ ที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวผู้ใช้ได้ แม้ว่าบริการจะบันทึกหมายเลข IP ของคุณชั่วคราวเพื่อป้องกันการโกงบริการ แต่ข้อมูลนี้จะถูกเข้ารหัสทันทีและลบออกหลังจากเซสชัน VPN ของคุณสิ้นสุดลง

แผนระยะยาวที่มีราคาไม่แพง

หากคุณสมัครแผนบริการระยะยาว คุณจะสามารถรับบริการ Hotspot Shield ได้ในราคาเพียง $2.99/เดือน นอกจากนี้ยังมีแผนรายเดือนและรายปียังมีฟีเจอร์เหมือนกัน แต่แผนรายเดือนมีราคาแพงกว่ามาก แผน 3 ปีนั้นคุ้มค่าที่สุดในด้านราคา นอกจากนี้ยังมีบริการฟรี แต่บริการฟรีให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ 1 แห่งในอเมริกาเท่านั้นและข้อมูลของคุณจำกัดเพียง 500MB ต่อวัน

หากคุณต้องการลองใช้ HotSpot Shield อย่างปลอดภัย บริการก็มาพร้อมการรับประกันคืนเงิน 45 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ยาวนานกว่า VPN ส่วนใหญ่ในรายการนี้

ทดลองใช้งาน Hotspot Shield ได้เลยตอนนี้

บริการ VPN ที่ดีที่สุด — ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว

ราคาที่ถูกที่สุดต่อเดือน # เซิร์ฟเวอร์  เชื่อมต่อพร้อมกันได้ # อุปกรณ์ แอปพลิเคชั่นในภาษาไทย ข้อดี ข้อเสีย
🥇ExpressVPN $6.67/เดือน 3,000 8 ใช่ ความเร็วสูง ราคาสูง
🥈CyberGhost $2.11/เดือน 9,561 7 ไม่ เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ไม่สามารถใช้งานในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวดได้
🥉Private Internet Access $2.11/เดือน 29,650 ไม่จำกัด ใช่ เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรที่มีการแชร์ข้อมูล
NordVPN $2.99/เดือน 5,880 6 ไม่ เซิร์ฟเวอร์พิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานกับเครือข่ายที่ถูกจำกัดได้ ราคาจะแพงขึ้นหลังจากการสมัครใช้งานครั้งแรก
Surfshark $2.69/เดือน 3,200 ไม่จำกัด ไม่ คุ้มค่าราคา สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของพันธมิตร 14 Eyes
IPVanish $2.99/เดือน 2,200 ไม่จำกัด ไม่ การเชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัดอุปกรณ์ จำกัดการปรับแต่งการใช้งาน
PrivateVPN $2/เดือน 200 10 ไม่ มุ่งมั่นในการให้ความเป็นส่วนตัว เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก
Proton VPN $4.99/เดือน 3,025 10 ไม่ ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ไม่สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งทั้งหมดได้
Hotspot Shield $2.99/เดือน 1,800 5 ไม่ โปรโตคอล Catapult Hydra ที่ให้การเชื่อมต่อความเร็วสูง ไม่สามารถเข้าถึง Hulu

ทำไมคุณต้องใช้ VPN

ในโลกปัจจุบันความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามได้ ทุกครั้งที่ใช้อินเทอร์เน็ต คุณอาจเปิดเผยตัวเองต่อความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและทำให้เสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนต่ออาชญากรไซเบอร์หรือบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ คุณยังอาจถูก ISP และหน่วยงานรัฐบาลที่อาจควบคุมความเร็วหรือเซ็นเซอร์บางเว็บไซต์เพื่อให้บริการผลประโยชน์ของตนเอง

แน่นอนว่าการหยุดใช้อินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้สักเท่าไหร่ แต่การทดความเสี่ยงลงนั้นสามารถเป็นไปได้ นี่แหละคือหน้าที่ของ VPN  นอกเหนือจากการเพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้อินเตอร์เน็ตและปกป้องความเป็นส่วนตัวแล้ว VPN ยังช่วยให้คุณมีอิสระในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การสตรีมรายการทีวีและภาพยนตร์ต่างประเทศ ไปจนถึงการแชร์ไฟล์ผ่านเครือข่าย P2P นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ในการใช้ VPN:

  • เข้ารหัสข้อมูลของคุณเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ VPN นั้นจะใช้การเข้ารหัสเพื่อทำการ scramble ทราฟฟิคของคุณเพื่อไม่ให้ใครมาดักจับไปใช้ประโยชน์ได้ VPN ที่ปลอดภัยที่สุดนั้นจะใช้การเข้ารหัส 256-bit AES (มาตรฐานเดียวกันกับที่รัฐบาล ธนาคาร และกองทัพใช้) ควบคู่ไปกับโปรโตคอล VPN ที่เชื่อถือได้และมีการตรวจสอบอยู่เป็นระยะ
  • ซ่อนที่อยู่ IP เพื่อปกป้องความเปิดเผยตัวตนของคุณ เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่อยู่ IP ของคุณจะถูกซ่อนอยู่หลัง IP อื่น — ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคุณเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน นี่จะช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป้าหมายไปยังเครือข่ายที่บ้านของคุณ และยังช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงกว่าปกติตามสถานที่ของคุณอีกด้วย หากความเป็นส่วนตัวในการใช้งานออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณ เราขอแนะนำให้คุณใช้ VPN ที่เน้นความเป็นส่วนตัวพร้อมกับเบราว์เซอร์ Tor
  • เข้าถึงเนื้อหาได้ทั่วโลก การปกปิดที่อยู่ IP ของคุณนั้นมีข้อดีอีกอย่าง: คุณจะสามารถเลือกตำแหน่งที่ตั้งของ IP ใหม่ที่นำมาปกปิดมันได้ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกภูมิภาคไม่ให้เข้าถึงในพื้นที่ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น VPN ที่มีคุณภาพสำหรับใช้ดู Netflix นั้นจะทำให้คุณสามารถดูซีรี่ส์และภาพยนตร์ได้ทั้งหมดในทุกภูมิภาคทั่วโลก แทนที่จะดูได้เฉพาะแต่ของในประเทศของคุณ VPN นั้นยังสามารถใช้เพื่อเข้าถึงการแข่งกีฬาสดได้ด้วย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
  • โหลด torrent อย่างไม่มีความเสี่ยง การ torrent หรือการแชร์ไฟล์แบบ P2P นั้นจะทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแชร์ไฟล์ถึงกันได้โดยตรง น่าเศร้าที่ใครหลายคนต่างก็นำเรื่องนี้ไปใช้ทำสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดจรรยาบรรณ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัย VPN จะช่วยปกป้องคุณในขณะทำการ torrent เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ต้องเจอเรื่องเสี่ยงภัยโดยไม่จำเป็น
  • เล่นเกมออนไลน์อย่างปลอดภัย เกมเมอร์บางคนนั้นพร้อมจัดเต็มเพื่อให้ชนะ — ซึ่งก็รวมถึงการโจมตีแบบ DDoS ใส่เครือข่ายบ้านของคุณเพื่อให้คุณขาดการเชื่อมต่อ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เชื่อมต่อกับ VPN การโจมตีแบบ DDoS ใด ๆ ก็ตามนั้นจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN แทน VPN ที่ดีที่สุดนั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์ที่มีค่า latency ต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เล่นเกมที่มีการแข่งขันสูงอย่างเช่น Call of Duty: Warzone
  • หลีกเลี่ยงการควบคุมความเร็วของ ISP บางครั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณอาจจะควบคุมความเร็วการเชื่อมต่อของคุณเพื่อควบคุมแบนด์วิดท์ — โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทำกิจกรรมที่ใช้ข้อมูลเยอะ อย่างเช่นสตรีมมิ่งและ torrent เนื่องจาก VPN ทำให้กิจกรรมของคุณมีความเป็นส่วนตัว ดังนั้น ISP ของคุณก็จะไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไร และก็ไม่สามารถควบคุมความเร็วของคุณได้

โปรดทราบ: มีบริการ VPN มากกว่า 300 บริการให้เลือกในท้องตลาด หลายบริการสามารถทำสิ่งที่พูดไปในก่อนหน้านี้ได้ แต่หลายบริการก็ไม่สามารถให้บริการได้ใกล้เคียงสิ่งเหล่านั้นเลย และมีแค่บริการ VPN ที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ว่ามะ

ทดลองใช้งาน VPN อันดับ #1 ที่เราแนะนำได้เลยวันนี้

วิธีการเลือกและใช้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

เราสามารถทำการรีวิวและแสดงการทดสอบของบริการทั้งหมดแก่คุณได้ แต่คุณคือผู้ที่ต้องเลือก VPN และในขณะที่บางบริการก็ดีกว่าอีกบริการมาก แต่ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนตัว

ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยคุณเลือกบริการที่จะให้สิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง:

  • กำหนดความต้องการของคุณ คุณมีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลและกิจกรรมของคุณให้ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวหรือเปล่า หรือคุณกำลังมองหา VPN ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งที่ถูกมีการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ได้ VPN บางบริการเน้นเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ในขณะที่บางบริการก็เข้าถึงความบันเทิงได้มากกว่า แต่ VPN ที่เราแนะนำสามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองอย่างได้
  • ระบุวัตถุประสงค์ของคุณ คุณจะใช้ VPN ทำอะไร และจะใช้บ่อยขนาดไหน? คุณต้องการติดเครื่องส่วนตัวไว้ใช้งานไม่กี่เครื่อง หรือคุณต้องการที่จะเชื่อมต่อได้ทั้งครอบครัว? คุณต้องการเอาไว้ใช้งานสำหรับบางเว็บไซต์ในขณะเดินทาง? หรือคุณต้องการใช้งานเพื่อเสริมความปลอดภัยให้อุปกรณ์ของคุณตลอดเวลา? หลังจากที่คุณตัดสินใจได้แล้วว่าคุณต้องการอะไรจาก VPN และจะใช้งานมันอย่างไร คุณก็จะสามารถให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์นั้น ๆ ได้โดยตรง
  • ตั้งงบประมาณ คุณต้องการประหยัดเงินให้มากที่สุดหรือเต็มใจจ่ายค่าบริการเพิ่มอีกนิดหรือเปล่า คุณยินดีเลือกแผนระยะยาวเพื่อประหยัดเงินเพิ่มเติมหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องตัดสินใจว่าคุณยินดีจ่ายเท่าไรเพื่อที่คุณจะได้ค้นหา VPN ที่นำเสนอบริการในราคาที่ต้องการได้ โปรดจำไว้ว่าตัวเลือกที่แพงกว่านั้นไม่ได้แปลว่าคุณภาพที่ดีกว่าเสมอไป และ VPN ชั้นนำมักจะมาพร้อมข้อเสนอดีๆเสมอ

วิธีการค้นคว้าข้อมูล:วิธีการจัดอันดับ & เปรียบเทียบ VPNเหล่านี้

ด้วย VPN หลายร้อยตัวเลือกที่อ้างว่าสามารถใช้บริการได้ดีที่สุดคุณจะเลือกบริการที่เหมาะสมได้อย่างไร การรีวิวทุก VPN นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ … เว้นแต่ว่าคุณมีทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่พร้อมสำหรับการทดสอบ นั่นคือสิ่งที่เราทำเพื่อสร้างการจัดอันดับข้างต้นและบทวิจารณ์ รวมถึงรายการอื่น ๆ ทั้งหมดของเรา

เราวิเคราะห์ VPN แต่ละบริการโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ โดยเน้นประเด็นสำคัญบางประการ เป้าหมายของเราคือการพิจารณาว่าแต่ละบริการมีความเป็นเลิศด้านใดและบริการใดให้ความคุ้มค่าโดยรวมที่ดีที่สุด เราทำการทดสอบความเร็วโดยละเอียด พยายามหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์และการเซ็นเซอร์และทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกฟีเจอร์ที่นำเสนอและการรับประกันต่าง ๆ เรายังทำการทดสอบซ้ำเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์เป็นปัจจุบันเสมอ

นี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญในการค้นคว้า

ความเป็นส่วนตัว & ความปลอดภัย

สองด้านที่สำคัญของ VPN ที่ดีที่สุดคือ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ผู้ให้บริการแทบทุกรายโฆษณาเอาไว้เสียเยอะ แต่มีแค่ไม่กี่บริการเท่านั้นที่ทำได้อย่างที่โฆษณาจริง ๆ

โปรดทราบว่าในขณะที่บางเว็บไซต์ (และแม้แต่ VPN) ยังสับสนกับคำสองคำนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน! ในขณะที่ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ให้บริการที่เข้าถึงข้อมูลของคุณ แต่การรักษาความปลอดภัยนั้นเกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลนั้นด้วยการเข้ารหัสและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว คุณต้องเลือก VPN ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ซึ่งหมายความว่าบริการจะไม่บันทึก จัดเก็บหรือแบ่งปันข้อมูลใด ๆ ของคุณ เมื่อคุณใช้ VPN ข้อมูลส่วนบุคคลและกิจกรรมของคุณจะถูกซ่อนจากทุกคน ยกเว้น VPN เอง นี่คือเหตุผลที่เราแนะนำเฉพาะ VPN ที่สัญญาว่าจะเก็บข้อมูลนั้นเป็นส่วนตัว มิฉะนั้นข้อมูลของคุณอาจรั่วไหล ถูกขายหรือแม้แต่ส่งต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าบริการไม่ได้บันทึกมันไว้ตั้งแต่แรก เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้

เพื่อความปลอดภัย คุณจะต้องใช้ VPN ที่ใช้การเข้ารหัสที่รัดกุม มาตรฐานอุตสาหกรรมคือการเข้ารหัส AES 256-bit ซึ่งแทบไม่สามารถถูกเจาะผ่านได้ VPN ชั้นนำทั้งหมดใช้การเข้ารหัสระดับนี้ แต่บาง VPN ก็เสนอทางเลือกอื่นด้วย ตัวอย่างเช่น PIA ให้ตัวเลือกในการเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส AES 128-bit ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าเล็กน้อย แต่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อได้

VPN อื่น ๆ ใช้โปรโตคอล WireGuard ซึ่งรวมมาตรฐานการเข้ารหัสที่หลากหลายเอาไว้ด้วยกันทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่เรามองหาเมื่อรีวิว VPN คือตรวจสอบว่าบริการใช้การเข้ารหัสประเภทใด

นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและมาตรฐานการเข้ารหัสไม่ใช่สิ่งเดียวที่กำหนดระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ VPN ผู้ให้บริการหลายรายยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด

ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ multi-hop (นำทางข้อมูลของคุณผ่านมากกว่าหนึ่งเซิร์ฟเวอร์) เซิร์ฟเวอร์ RAM (ลบข้อมูลของคุณทุกครั้งที่รีบูต) และKill switch (ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN ยุติลง)

ความเป็นส่วนตัวยังขึ้นอยู่กับว่า VPN มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใดอีกด้วย หากบริการตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัวนอกเขตอำนาจของพันธมิตร 5, 9, 14 Eyes นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามต่อให้ VPN อยู่ภายในเขตอำนาจศาลนี้และมีมาตรการความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดก็ถือว่าดีมากพอ เช่น PIA เป็นตัวอย่างที่ดี

แน่นอนว่ายังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย มีมากเกินไปที่จะกล่าวถึงในนี้ด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เราประเมิน VPN เราจะมองหาข้อมูลและฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากเกณฑ์ข้างต้น เรานำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่า VPN ใดทำงานได้ดีที่สุดในด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของคุณ

ความเร็ว

เมื่อพูดถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ ความเร็วในการเชื่อมต่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ควรพิจารณา ก่อนอื่นคุณควรทราบว่า VPN ทุกบริการจะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงในระดับหนึ่ง นี่เป็นปกติของกระบวนการที่ใช้เวลาในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณ และกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่อื่นในโลก

เมื่อเราพูดว่า VPN มี "ความเร็วในการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว” เราหมายความว่ามันลดความเร็วน้อยที่สุด บริการ VPN ที่เร็วที่สุดส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อคุณภาพการเชื่อมต่อของคุณ บริการจะช่วยให้คุณใช้งาน ดาวน์โหลดและสตรีมได้โดยไม่กระตุกหรือสะดุด ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของการเชื่อมต่อที่ช้า

โปรดทราบ: มีบางครั้งเหมือนกันที่ VPN สามารถเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณได้ หาก ISP ของคุณจงใจควบคุมปริมาณตามกิจกรรมของคุณ VPN สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ ดูหัวข้อทำไมคุณถึงต้องการ VPN ที่ด้านบนสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

แล้วเราจะทดสอบความเร็วการเชื่อมต่อได้อย่างไร นี่เป็นขั้นตอนที่ง่ายมาก แต่ต้องใช้การทำงานที่มากพอสมควร เราทำการทดสอบความเร็วอย่างเข้มงวดในแต่ละบริการ โดยใช้เครื่องมือ Ookla Speedtest ทีมนักวิจัยระดับโลกของเราเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกและสร้างสถานการณ์ เช่น การแบนด์วิดท์จำกัดและความท้าทายอื่น ๆ ในการทดสอบ VPN แต่ละรายการ

การสตรีม

เราได้อธิบายไปแล้วว่าการใช้ VPN สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมดในทั่วโลกโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของคุณได้อย่างไร แต่มีหลายปัจจัยในหัวข้อนี้

อย่างแรก VPN ต้องมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ทั่วโลก หากบริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์ในบางประเทศ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากประเทศนั้นได้ การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศจะช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาในประเทศนั้นได้ ดังนั้นเราจึงใส่ใจกับจำนวนและการกระจายตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ของ VPN แต่ละรายการ

อย่างที่สอง VPN ต้องมีเทคนิคและเทคโนโลยีที่ช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้นของเว็บสตรีมมิ่ง บริการสตรีมมิ่งหลายแห่งพยายามระบุการรับส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ VPN และปิดกั้นการรับส่งข้อมูลเหล่านั้น หากคุณเคยเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด "ดูเหมือนว่าคุณกำลังใช้เครื่องมือปลดบล็อกหรือพร็อกซี่" แสดงว่าคุณประสบปัญหาการเข้าถึงเนื้อหา เราประเมินความสามารถของ VPN แต่ละรายการในการหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ เพื่อไม่ให้คุณถูกปิดกั้นการเข้าถึงจากเว็บสตรีมมิ่ง

VPN บางบริการเหมาะสำหรับการสตรีม บางบริการเหมาะสำหรับบางแพลตฟอร์ม แต่ใช้งานไม่ได้สำหรับบางแพลตฟอร์ม และบางบริการแทบจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งใดได้เลย ถ้าคุณต้องการ VPN ที่สามารถเข้าถึงเฉพาะแพลตฟอร์มได้ ให้ดูบทความ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Netflix, Hulu, BBC iPlayer, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมาย

โปรดทราบ: ประสบการณ์การสตรีมโดยรวมของคุณจะขึ้นอยู่กับความเร็ว (การเชื่อมต่อช้า = การสะดุด) แต่เราพยายามประเมินปัจจัยเหล่านี้แยกกัน: a) VPN ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งได้หรือไม่และ b) ความเร็วของ VPN จะเร็วเพียงพอสำหรับการสตรีมคุณภาพสูงหรือไม่

การทอร์เรนต์

VPN มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการทอร์เรนต์ โดยเฉพาะในประเทศที่ห้ามการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P แต่แม้ว่ามันจะไม่ผิดกฎหมาย (และเราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณทำตามกฎหมาย) การทอร์เรนต์โดยไม่มีการป้องกันเพิ่มเติมอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีด้านลิขสิทธิ์และการเปิดเผยตัวเองแฮ็กเกอร์

การเชื่อมต่อ P2P ในตัวของมันเองนั้นไม่มีความปลอดภัย แต่คุณสามารถเพิ่มความปลอดภัยเข้าไปได้ด้วยการใช้ VPN ซึ่งจะทำการปิดบังที่อยู่ IP จริงพร้อมทำการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ ในการวิจัยเกี่ยวกับ VPN ของเรา พวกเราได้ทำการประเมินฟีเจอร์อย่างเช่นโปรไฟล์สำหรับ P2P โดยเฉพาะ, พร็อกซี่ SOCKS5 และสามารถติดตั้งใช้งานได้ง่ายกับ torrent client นี่สามารถช่วยให้เราระบุ บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้โหลด torrent ได้ — รวมถึงบริการที่ไม่ค่อยดีด้วย

ความง่ายในการใช้งาน

VPN อาจดูเหมือนเครื่องมือที่ซับซ้อนมาก จริง ๆ แล้วมันก็คือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนนั่นแหละ แต่ VPN ที่ดีที่สุดควรได้รับการออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะมีความรู้ด้านเทคนิคขั้นสูงหรือไม่ก็ตาม

เมื่อเราทดสอบ VPN เราจะสังเกตว่ามันใช้งานง่ายเพียงใด ตั้งแต่การตั้งค่าไปจนถึงการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงการปรับการตั้งค่า นอกจากนี้เรายังประเมินอินเทอร์เฟซและดีไซน์แต่ละแอป (ยิ่งใช้งานง่ายยิ่งดี) ซึ่งช่วยให้เราระบุได้ว่า VPN ใดดีที่สุดสำหรับผู้ใช้เริ่มต้น

ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น VPN ควรใช้งานได้ง่ายสำหรับ Windows และ iOS เราให้คะแนนพิเศษแก่ VPN ที่นำเสนอตัวเลือกการตั้งค่าบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN (เช่น MediaStreamer ของ ExpressVPN)

แล้วผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคล่ะ หากคุณให้ความสำคัญกับตัวเลือกการปรับแต่งหรือการตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูงมากกว่าความเรียบง่าย ความง่ายในการใช้งานอาจไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญสำหรับคุณ อย่างไรก็ตาม VPN ที่ใช้งานได้ง่ายนั้นไม่จำเป็นจะต้องทำได้แค่สิ่งพื้นฐาน (เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ ค้นหาตำแหน่งเฉพาะ ฯลฯ) แต่ยังต้องทำให้การใช้ฟีเจอร์และการตั้งค่าที่ซับซ้อนง่ายขึ้นด้วย และนี่คือบริการที่ได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดนี้

การช่วยเหลือลูกค้า

การช่วยเหลือลูกค้ามีความสำคัญอย่างมาก แต่มันมักถูกมองข้าม มันคงจะดีหากคุณไม่มีคำถามหรือปัญหาใด ๆ เลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเป็นเช่นนั้น VPN ของคุณควรมีการช่วยเหลือลูกค้าที่ดี

สิ่งแรกที่เราพิจารณาคือช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง VPN ที่มีฟีเจอร์ไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน นี่เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ ตัวเลือกอื่น ๆ เช่น การติดต่อทางอีเมล (บางครั้งเรียกว่าระบบตั๋ว) และการช่วยเหลือทางโทรศัพท์โดยปกติแล้วจะมีให้บริการเฉพาะในบางช่วงเวลาเท่านั้น

นอกจากนี้เรายังทดสอบช่องทางการสนับสนุนเหล่านี้เพื่อดูว่ามีประโยชน์เพียงใด โดยเริ่มจากบริการไลฟ์แชทสด ส่งคำถามทางอีเมลหรือโทรศัพท์ จากนั้นประเมินคุณภาพและความรวดเร็วของการสนับสนุนที่เราได้รับ VPN ที่เราชอบจะให้การช่วยเหลือที่รวดเร็วและเป็นประโยชน์ เราต้องการเห็นบริการที่ให้เราพูดคุยกับตัวแทนที่มีความรู้และได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

การเซ็นเซอร์

อย่างแรก คุณต้องแยกระหว่างการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ (ข้อจำกัดของบางเว็บไซต์และแพลตฟอร์ม) และการเซ็นเซอร์ (ข้อจำกัดที่กว้างขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อควบคุมกิจกรรมของพลเมืองของตน) ในบางประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดก็ห้ามใช้ VPN ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพออนไลน์ แต่ VPN บางบริการมีเทคโนโลยีขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงระบบเหล่านี้โดยเฉพาะ

เมื่อต้องรับมือกับการเซ็นเซอร์ เราจึงมองหาการตั้งค่าและฟีเจอร์ที่ทำให้การรับส่งข้อมูลของคุณไม่สามารถถูกอ่านได้ จุดประสงค์ของการทำให้ข้อมูลไม่สามารถอ่านได้คือการซ่อนการใช้ VPN จากบุคคลที่สาม รวมถึง ISP และรัฐบาลของคุณ นี่คือสิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างเป็นอิสระในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด เช่น จีน อิหร่าน หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

หมายเหตุ: เราไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายใด ๆ และเราแนะนำให้คุณตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นของคุณเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ ในบางประเทศ การใช้ VPN นั้นถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณและตรวจสอบให้ดีก่อนใช้งาน

ราคา

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มาคุยกันเรื่องตัวเลขกันก่อน! อย่างที่เห็นว่า VPN ส่วนใหญ่ที่เราแนะนำนั้นเป็นแบบบริการพรีเมียม หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าบริการ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะ VPN ระดับพรีเมียมนั้นเร็วกว่า ปลอดภัยกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่าฟรีเกือบทุกบริการ

แต่เราเข้าใจดีว่าการจ่ายค่าบริการ VPN นั้นเป็นเหมือนภาระผูกพันทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ เรามองหาผู้ให้บริการที่นำเสนอราคาและคุณภาพที่ดีที่สุดเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากเงินของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้า VPN ค่อนข้างแพง มันคุ้มกับราคาจริงหรือเปล่า และราคาถูกกว่าจะให้ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่คุณต้องการจริง ๆ หรือไม่

นอกจากคำถามเหล่านี้แล้ว เรายังดูข้อเสนอและส่วนลดของ VPN แต่ละรายการอีกด้วย ผู้ให้บริการระดับพรีเมียมส่วนใหญ่นำ เสนอส่วนลดและคูปองอย่างต่อเนื่อง

และสุดท้าย เราตรวจสอบนโยบายการรับประกันคืนเงินของ VPN แต่ละรายการเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับเงินคืนหากคุณไม่พอใจหลังจากสมัครบริการไปแล้ว VPN ชั้นนำส่วนใหญ่มีการรับประกัน 30 วัน แต่อาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการและแผน

หากคุณไม่อยากจ่ายค่าบริการ VPN คุณก็สามารถดูรายชื่อ VPN ฟรีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับฟีเจอร์ที่สำคัญและไม่ทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ VPN

VPN ที่ดีที่สุดคือบริการอะไร

การทดสอบอย่างละเอียดของเราแสดงให้เห็นว่า ExpressVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานทั่วไป สตรีมมิง ทอร์เรนต์และอื่น ๆ บริการเสนอความเร็วการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุด มาตรการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เชื่อถือได้มากที่สุด และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมก็ดีที่สุดเหนือ VPN อื่น ๆ 

VPN ที่เร็วที่สุดคือบริการอะไร

ExpressVPN เป็นบริการอันดับหนึ่งในการทดสอบความเร็วของเรา บริการมีความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดที่เร็วที่สุด และไม่มีการแลคและมีค่า Ping ต่ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้เพื่อสตรีมคุณภาพสูงโดยไม่มีการสะดุดและเพื่อดาวน์โหลดทอร์เรนต์ด้วยความเร็วสูง และเล่นเกมออนไลน์ได้โดยไม่สะดุด

VPN ผิดกฎหมายหรือไม่

ในประเทศส่วนใหญ่ การใช้ VPN นั้นถูกกฎหมาย VPN เองเป็นเครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ช่วยส่งเสริมความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต หน้าที่หลักของบริการ (การเข้ารหัสข้อมูล การข้ามข้อจำกัดและเพิ่มความเป็นส่วนตัว) เป็นที่ยอมรับได้ 100% ภายใต้ระบบกฎหมายส่วนใหญ่

มีบางประเทศเท่านั้นที่ห้ามใช้ VPN หรือยังมีกฎการใช้งานที่ไม่แน่นอน เช่น จีน อิรัก อิหร่าน รัสเซีย เบลารุส ตุรกี โอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากคุณอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์การใช้งานอินเทอร์เน็ต คุณควรตรวจสอบเพื่อดูว่ากฎหมายท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับ VPN นั้นเป็นอย่างไร

ในบางครั้งผู้ใช้ VPN ก็ใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราไม่สนับสนุนสิ่งนี้ จำไว้ว่า: สิ่งใดก็ตามที่ขัดต่อกฎหมายแม้จะไม่มี VPN ก็ยังขัดต่อกฎหมายแม้มี VPN และสิ่งนี้ควรหลีกเลี่ยงเสมอ

VPN ปลอดภัยหรือไม่

VPN นั้นปลอดภัยและ VPN เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณทำทางออนไลน์ไม่ได้ละเมิดกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่นใด ๆ

คุณอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง หาก:

  • คุณอยู่ในประเทศที่รัฐบาลอนุญาตให้ใช้เฉพาะ VPN บางบริการ และคุณใช้ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
  • คุณทอร์เรนต์เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ด้วย VPN ที่เก็บบันทึกข้อมูลและใช้งานบริการที่ไม่มี Kill switch

VPN ฟรีบางบริการอาจไม่ปลอดภัยเนื่องจากพวกเขาอาจขายข้อมูลของคุณให้กับบุคคลที่สามหรือทำให้คุณเสี่ยงต่อมัลแวร์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเลือก VPN ที่มีคุณภาพที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ

VPN ใช้งานยากหรือไม่

VPN ที่ดีที่สุดนั้นต้องใช้งานง่ายมาก ๆ ในกรณีส่วนใหญ่ คุณเพียงแค่ต้องดาวน์โหลดแอปที่ถูกต้องสำหรับอุปกรณ์ของคุณ ทำการติดตั้ง เปิดใช้งาน และก็คลิก "เชื่อมต่อ" บริการ VPN ทั้งหมดที่เราแนะนำข้างบนนั้นมีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ถึงแม้คุณจะเป็นมือใหม่ คุณก็ยังสามารถใช้งานมันได้อย่างง่ายดาย

หลายบริการมีปุ่มเชื่อมต่อด่วนที่ให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงได้ทันที หากคุณต้องการเข้าถึงเนื้อหาจากภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกประเทศที่ต้องการจากรายการที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดาย

คำแนะนำ: หากคุณยังไม่มีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อนและต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มันสามารถทำได้ให้เข้าไปดูคำแนะนำ VPN สำหรับมือใหม่ของเรา บทความนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระสำคัญเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ VPN การใช้งานและประโยชน์

VPN ลดความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณหรือไม่

ที่จริงแล้ว VPN ทั้งหมดทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงในระดับหนึ่ง นี่เป็นเพราะมันต้องเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณ และกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งอื่น ๆ ในโลก กระบวนการทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่การเชื่อมต่อ VPN จะช้ากว่าการเชื่อมต่อปกติ

อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการที่ดีที่สุดจะลดการสูญเสียความเร็วนี้ให้เหลือน้อยที่สุด ด้วย VPN ที่เร็วที่สุด คุณอาจไม่สังเกตเห็นความแตกต่างจากการเชื่อมต่อปกติของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่เจอกับการสะดุด แลคหรือต้องรอการโหลดนานในขณะที่เชื่อมต่อกับ VPN

VPN สามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้หรือไม่

ในทางเทคนิคแล้วมันเป็นไปได้ที่ VPN จะติดตามคุณ แต่ VPN ที่ดีที่สุดจะไม่ติดตามคุณเมื่อคุณใช้ VPN คุณกำลังปกป้องข้อมูลการใช้งานและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากบุคคลที่สาม เช่น ISP แฮกเกอร์ ผู้โฆษณาและรัฐบาล แต่ตัว VPN เองยังคงสามารถเข้าถึงทุกอย่างได้ นี่คือเหตุผลที่ VPN มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่สัญญาว่าจะไม่บันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลของคุณ

VPN บางบริการยังใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น เซิร์ฟเวอร์ RAM เพื่อลดโอกาสที่ข้อมูลของคุณจะตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกลบข้อมูลทุกครั้งที่รีบูต ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดของคุณจะถูกลบโดยอัตโนมัติ

VPN มีราคาเท่าไหร่

ราคาค่าบริการจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ แต่ VPN ทั้งหมดที่แนะนำที่นี่มีราคาไม่แพงมาก บางบริการมีค่าใช้จ่ายเท่ากับเลย์ 2 ห่อต่อเดือน! โดยทั่วไปแล้วการสมัครสมาชิกระยะยาวมักจะถูกกว่าแผนระยะสั้น ยิ่งมีตัวเลือกบริการนานเท่าใด ราคารายเดือนของคุณก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น

VPN ที่ดีที่สุดยังมีการรับประกันคืนเงิน ซึ่งหมายความว่าหากคุณเปลี่ยนใจหลังจากสมัครรับข้อมูล คุณสามารถขอเงินคืนได้เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง (โดยปกติคือ 30 วัน) ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับค่าบริการ แต่มันช่วยเพิ่มความอุ่นใจแก่คุณได้ในกรณีที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับค่าบริการ

หากคุณพร้อมที่จะทำการซื้อแล้ว ไปที่หน้าคูปองของเราเพื่อรับส่วนลดพิเศษสำหรับ VPN ชั้นนำได้เลย

มี VPN ฟรีบ้างไหม

มี VPN ฟรีให้บริการอยู่เหมือนกัน แต่ทางที่ดีคุณควรอยู่ห่าง ๆ บริการพวกนี้ไว้จะดีกว่า แน่นอนว่าการได้อะไรมาเปล่า ๆ ฟังดูน่าดึงดูดใจ แต่แม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายตอนนี้ คุณก็อาจจะได้จ่ายทีหลังอย่างแน่นอน อาจจะในรูปแบบของการเชื่อมต่อที่ช้าสุด ๆ การติดมัลแวร์หรือแม้แต่การขโมยข้อมูลประจำตัว

แน่นอนว่าไม่ใช่ VPN ฟรีทั้งหมดที่เป็นการหลอกลวง เรายังทำการได้ค้นคว้าบริการต่าง ๆ มากมายเพื่อค้นหา VPN ฟรีที่ใช้งานได้จริง บริการทั้งหมดมีข้อจำกัด เช่น การจำกัดข้อมูลหรือการจำกัดการเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่าง แต่ก็ปลอดภัยมากพอหากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ

ฉันสามารถใช้ Tor หรือ Proxy แทน VPN ได้หรือไม่

Tor พร็อกซี่และ VPN เป็นซอฟต์แวร์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่บางครั้งก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ มาดูอย่างละเอียดกันดีกว่า

Tor (ย่อมาจาก The Onion Router) ใช้เครือข่ายอาสานำทางการเชื่อมต่อของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ หรือ "โหนด" แม้ว่ากระบวนการนี้จะทำให้คุณ (และข้อมูลของคุณ) ติดตามได้ยากขึ้น แต่ก็ทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงอย่างมาก Tor เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นโปรดดูคำแนะนำของเราเกี่ยวกับ Tor หากคุณต้องการข้อมูลและเคล็ดลับเพิ่มเติม

เมื่อเทียบกับ VPN แล้ว Tor มีข้อเสียเปรียบ แม้ว่าจะใช้งานได้ฟรี แต่ก็มีการเข้ารหัสที่อ่อนแอกว่าและการเชื่อมต่อที่ช้ากว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือการใช้ Tor และ VPN ร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด VPN ที่ดีสามารถแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Tor ได้ ในขณะที่ Tor จะเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตนเพิ่มเติม

ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดที่เข้ากันได้กับ Tor เพื่อให้ใช้งานได้คุณต้องใช้ VPN อย่าง ExpressVPN

บริการพร็อกซี่มีข้อได้เปรียบเหนือ VPN อย่างหนึ่ง นั่นก็คือมันมีความเร็วที่เร็วกว่า (ในขณะที่ซ่อนหมายเลข IP ของคุณเอาไว้ด้วย) อย่างไรก็ตามพร็อกซี่ไม่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่นการรหัสข้อมูลและไม่มีแม้แต่อินเทอร์เฟซผู้ใช้ ซึ่งหมายความว่าพร็อกซี่ไม่ปลอดภัยหรือใช้งานได้ง่ายนัก อย่างไรก็ตาม มันเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณต้องการเฉพาะความเร็วและไม่สนใจด้านความปลอดภัยเท่าไหร่

มีบริการพร็อกซี่หลายร้อยรายการให้เลือกใช้ ดังนั้นการเลือกพร็อกซีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใช้ VPN ที่รวดเร็วและราคาไม่แพงและรับประโยชน์จากการปกป้อง ความเป็นส่วนตัวและความเร็วที่ยอดเยี่ยมนั้นดีกว่ากันมาก

ฉันควรใช้ VPN บนมือถือหรือไม่

จริง ๆ แล้วคุณควรใช้ VPN กับอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ของคุณด้วย เพราะทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณจะเสี่ยงที่จะถูกแฮ็ก สอดส่องและติดตาม

VPN จำนวนมากนำเสนอแอปสำหรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย รวมถึงสมาร์ทโฟน ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมไหม เข้าไปดูบทความวิจัยของเราเกี่ยวกับ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Android และ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ได้เลย

ฉันสามารถใช้ VPN ทำธุรกรรมธนาคารออนไลน์ได้ไหม

แน่นอน แต่นี่อาจหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ในบริบทที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังเดินทางออกนอกประเทศและต้องการเข้าถึงบัญชีธนาคาร คุณสามารถใช้ VPN เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศของคุณได้ด้วยวิธีนี้การเข้าสู่ระบบของคุณจะไม่ถูกตั้งสถานะว่าอาจเป็นการฉ้อโกง (ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากธนาคารของคุณตรวจพบหมายเลข IP ในต่างประเทศ)

หรือคุณอาจอยู่ในประเทศบ้านเกิดของคุณและใช้ VPN สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์ในต่างประเทศและต้องการเข้าถึงบัญชีธนาคารในพื้นที่ของคุณโดยไม่ต้องปิด VPN คุณจะต้องใช้ VPN ที่มีฟีเจอร์ Split tunneling วิธีนี้จะช่วยให้คุณใช้เครือข่ายท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงธนาคารได้ โดยไม่ต้องปิดใช้งาน VPN ที่กำลังรับส่งข้อมูลอื่น ๆ

เพื่อสรุป VPN ที่ดีที่สุดในปี 2023 คือ…

อันดับ
ผู้ให้บริการ
คะแนนของเรา
ส่วนลด
ไปที่เว็บไซต์
1
medal
2
3
4
5
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ของเรากับผู้ให้บริการด้วย หน้านี้มีลิงก์ affiliate

เกี่ยวกับผู้เขียน

คริสติน่า เปรูนิชิชเป็นอดีตบรรณาธิการอาวุโสของ vpnMentor เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีความสนใจในด้าน VPN และความเป็นส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ต

คุณชอบบทความนี้ไหม? โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
เต็ม 10 - โหวตโดย ผู้ใช้งาน
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ