9 บริการ VPN แนะนำสำหรับประเทศไทยใน 2023
- บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย — การวิเคราะห์ฉบับเต็ม (อัปเดตล่าสุด 2023)
- ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในด้านความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
- CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับการเล่นเกม สตรีมมิ่ง และโหลด torrent อย่างมีความเสถียร
- Private Internet Access — สามารถปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้คุณสามารถจัดสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัยได้
- NordVPN — โปรโตคอล NordLynx สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงทั้งระยะใกล้และไกล
- Surfshark — VPN ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในราคาไม่แพง
- บริการ VPN ที่ดีที่สุด — ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว
- ทำไมคุณต้องใช้ VPN
- วิธีการเลือกและใช้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
- วิธีการค้นคว้าข้อมูล:วิธีการจัดอันดับ & เปรียบเทียบ VPNเหล่านี้
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ VPN
ExpressVPN — VPN ที่เร็วที่สุด ปลอดภัย ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการสตรีมและราคาไม่แพง รับส่วนลด49%ด้วยข้อเสนอพิเศษนี้ได้เลย
การหา VPN ที่ให้บริการได้ดีในทุกด้านนั้นอาจทำได้ยาก บาง VPN อาจเหมาะสำหรับแค่การสตรีมและขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยบางอย่างไป บางบริการอาจมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดี แต่มีความเร็วที่ต่ำเกินไปทำให้ใช้งานได้ไม่สะดวก แถมยังมี VPN มากมายที่ไม่น่าเชื่อถือ แอบติดตามกิจกรรมการใช้งานของคุณหรือไม่สามารถเข้ารหัสข้อมูลได้อย่างที่ควรอีกด้วย
เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและไม่ทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยาก ทีมผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของเราได้ใช้เวลาหลายเดือนในการทดสอบกว่า 300 บริการ VPN เพื่อตัดสินว่าในภาพรวมแล้วบริการไหนที่ดีที่สุด สำหรับประเทศไทย
VPN เหล่านี้เหมาะสำหรับการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น เพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อล่าช้าและทำให้กิจกรรมของคุณเป็นส่วนตัว บางบริการยังให้บริการได้ดีมากพอที่จะใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการใช้งานอีกด้วย
TLDR: ตัวเลือกที่ดีที่สุดของเราคือ ExpressVPN เพราะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุดและมีความเร็วที่เหมาะสำหรับดารสตรีม ทอร์เรนต์และเกม นอกจากนี้บริการยังมุ่งมั่นในการช่วยให้กิจกรรมของคุณปลอดภัยและเป็นส่วนตัวอีกด้วย
คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยด้วยการรับประกันคืนเงิน 30 วัน หากคุณไม่พอใจกับบริการ คุณสามารถขอคืนเงินได้อย่างง่ายดาย
ทดลองใช้งาน VPN อันดับ #1 ที่เราแนะนำได้เลยวันนี้
ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือบริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ 2023
- ExpressVPN — ปลอดภัย รวดเร็วและน่าเชื่อถือสำหรับทุกกิจกรรม รวมถึงการใช้งานทั่วไป สตรีมและทอร์เรนต์
- CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากเพื่อให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นและใช้งานได้อย่างไร้ข้อจำกัด
- Private Internet Access — มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัวเลือกในการปรับแต่งจำนวนมาก
- NordVPN — ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมถึงโปรโตคอล NordLynx ที่เป็นของตนเองซึ่งจะทำให้คุณใช้งานได้ในความเร็วสูง แต่แอปบนเดสก์ท็อปนั้นดูค่อนข้างรก
- Surfshark — ฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นหนึ่งที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในราคาไม่แพง แต่ตั้งอยู่ในประเทศพันธมิตร 9/14 Eyes
บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย — การวิเคราะห์ฉบับเต็ม (อัปเดตล่าสุด 2023)
เรามีทีมงานอยู่ใน 40 ประเทศทั่วโลก เราได้ทำการสอบสอบบริการ VPN มากมายหลายบริการเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อดูว่าบริการใดที่ให้บริการได้ดีที่สุดในด้านความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เราใช้งาน ดาวน์โหลด สตรีมและทอร์เรนต์เป็นเวลาหลานสัปดาห์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ VPN แต่ละรายการและนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นให้กับคุณ
1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในด้านความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
ทดสอบใน ตุลาคม 2023 ทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัย 30 วัน
- บริการ VPN ที่เร็วที่สุดที่พวกเราได้ทดสอบมาซึ่งเป็นเพราะโปรโตคอล Lightway ของพวกเขาเอง
- บริการมีมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 8 อุปกรณ์
- การันตีคืนเงิน 30 วัน
- สามารถเข้าถึง : Netflix (อเมริกา ไทยและไลบารียอดนิยมอื่น ๆ ), Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu, ช่อง ONE 31, ช่อง 7 และอื่น ๆ อีกมากมาย
- แอปและส่วนขยายเบราเซอร์ในภาษาไทย
- บริการช่วยเหลือผ่านไลฟ์แชทและอีเมล์ในภาษาไทย: การช่วยเหลือทางอีเมลและแชทให้บริการโดยเครื่องมือแปลอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงสามารถสื่อสารกับตัวแทนในภาษาที่คุณต้องการได้
ExpressVPN เป็น VPN ที่ให้บริการได้ดีที่สุดในทุกด้าน นอกจากนี้ยังมีความเร็วสูงและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งอีกด้วย นั่นเป็นเพราะบริการมีโปรโตคอล Lightway ที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่เร็วกว่าและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโปรโตคอลอื่น ๆ
คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล Lightway ได้ในการตั้งค่าแอปหรือจะใช้ VPN เลือกโปรโคอลที่เหมาะกับเครือข่ายของคุณโดยอัตโนมัติก็ได้ นอกจากนี้ยังมีโปรโตคอล OpenVPN, IKEv2 และ L2TP/IPsec ให้บริการอีกด้วย
ฉันทำการทดสอบโปรโตคอล Lightway ใน 5 เซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียง ความเร็วปกติของฉันอยู่ที่ 53.34 Mbps และความเร็วเฉลี่ยเมื่อเชื่อมต่อ VPN อยู่ที่ 48.95 Mbps ความเร็วลดลงโดยเฉลี่ย 8% ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าบริการอื่น ๆ ที่ฉันได้ทดสอบอย่างมาก
ฉันประทับใจอย่างมากเมื่อทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในลอนดอน แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์นั้นจะอยู่ห่างจะฉันหลายพันไมล์ แต่ความเร็วของฉันก็ลดลงเพียง 45 Mbps
เหมาะสำหรับการสตรีมในทุกอุปกรณ์
ExpressVPN มีมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ในทั่วโลกได้ เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่นี้ช่วยไม่ให้เกิดการล่าช้าที่เกิดจากการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์เดียวกันเป็นจำนวนมาก
ฉันสามารถเข้าถึงไลบารี Netflix ใน 10 ประเทศได้ รวมถึงอังกฤษ, อเมริกา, ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย และมันใช้งานได้ดีมากเมื่อฉันลองเข้าถึง Disney+ ที่เป็นที่รู้กันว่าบริการนี้มีการปิดกั้นการเข้าถึงที่แข็งเกร่งมาก
และเพื่อช่วยให้คุณสามารถสตรีมได้ในหลายอุปกรณ์ ExpressVPN มีฟีเจอร์ Smart DNS ที่มีชื่อว่า MediaStreamer ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมได้มากขึ้นในอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการใช้งาน VPN อย่างเกมคอนโซลและสมาร์ททีวี ฟีเจอร์นี้จะไม่เข้ารหัสการเชื่อมต่อหรือนำเสนอความปลอดภัยเพิ่มเติม แต่มันตั้งค่าได้ง่ายมาก ๆ ฉันสามารถติดตั้งและใช้งานบน PlayStation ได้ในไม่ถึง 5 นาทีและสามารถเข้าถึง Netflix US, Disney+, Hulu และ BBC iPlayer ได้อย่างง่ายดาย
ใช้งานได้ง่ายและมีฟีเจอร์จำนวนมาก
แอป ExpressVPN นั้นใช้งานและติดตั้งได้ง่ายมาก ฉันใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการติดตั้งบน Windows PC ของฉัน เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ฉันก็เปิดแอปขึ้นมาและคลิกไปที่ "เชื่อมต่อ" เพื่อทำการเชื่อมต่อ VPN ฉันชอบความเรียบง่ายและหน้าตาที่ดูปราดเปรียวของส่วนขยายเบราเซอร์และมันยังช่วยให้คุณสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่พร็อกซี่ (เหมือนของบริการอื่น ๆ )
ฟีเจอร์ Split tunneling ของ ExpressVPN ให้คุณสามารถเลือกว่าแอปใดที่ต้องการเชื่อมต่อผ่าน VPN และแอปใดที่ไม่ต้องการ ฉันทดสอบโดยทำการ Netflix โดยไม่ผ่านการเชื่อมต่อและทำการ BitTorrent ผ่าน VPN มันใช้เวลาตั้งค่าไม่นานและฉันก็สามารถดาวน์โหลดทอร์เรนต์ได้ด้วยความเร็วที่ดี
เมื่อพูดถึงการทอร์เรนต์ ExpressVPN รองรับการ P2P ในเครือข่ายทั้งหมด ฉันใช้เซิร์ฟเวอร์ในฮูสตัวเพื่อดาวน์โหลดไฟล์หนังที่มมีขนาด 790MB ได้ในประเทศ 3 นาที บริการไม่ได้จำกัดเซิร์ฟเวอร์สำหรับทอร์เรนต์ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีการใช้งานจำนวนมาก
แต่ ExpressVPN ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน คุณสามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 8 อุปกรณ์ แต่ VPN อื่น ๆ ให้คุณสามารถเชื่อมต่อได้ 10 หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม 8 จำนวนอุปกรณ์เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่แล้ว แม้ว่าคุณจะแบ่งปันบัญชีกับเพื่อนหรือคู่ชีวิต คุณก็ยังสามารถเชื่อมต่อ VPN ได้คนละ 2-3 อุปกรณ์
ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม
ExpressVPN ช่วยให้คุณปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ความความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับชั้นนำ บริการนำเสนอการป้องกันการรั่วไหลของ DNS, IP และ WebRTC ฉันทดสอบการรั่วไหลผ่านเครื่องมืออนไลน์ ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่าการเชื่อมต่อทั้งหมดของฉันถูกส่งผ่าน VPN และตำแหน่งที่แท้จริงของฉันไม่ถูกเปิดเผย
หากการเชื่อมต่อยุติลง Kill switch (Network Lock) อัตโนมัติจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล ฟีเจอร์นี้จะตัดการเชื่อมต่อของคุณจนกว่าคุณจะทำการเชื่อมต่อกับ VPN ใหม่อีกครั้ง
ExpressVPN ใช้การเข้ารหัส 256-bit AES พร้อมกับ SHA512 hashing และ 4096-bit RSA key การผสมผสานนี้จะทำให้เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะมีแฮ็กเกอร์คนไหนสามารถมาเข้าถึงข้อมูลของคุณได้
นอกจากนี้ยังมีการป้องกันอีกชั้น ตรงที่มันใช้ perfect forward secrecy โดยมีคีย์การเข้ารหัสแบบ dynamic นี่หมายความว่า ถ้าเกิดคีย์การเข้ารหัสของคุณเกิดการรั่วไหลออกไปจริง ๆ มันก็จะไม่สามารถถูกนำไปใช้กับข้อมูลในอดีตหรือในอนาคตได้ คุณสามารถสบายใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณนั้นจะถูกรักษาเอาไว้อย่างปลอดภัย
ExpressVPN ใช้เทคโนโลยี TrustedServer เพื่อเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคุณ นั่นหมายความว่าบริการใช้เซิร์ฟเวอร์ RAM เท่านั้น ซึ่งจะลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อเซิร์ฟเวอร์มีการรีบูต VPN ส่วนใหญ่จะจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไว้ในฮาร์ดไดร์ฟ ซึ่งต้องทำการลบข้อมูลด้วยตัวเอง เซิร์ฟเวอร์ทั่วไปยังทำให้การอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยล่าสุดทำได้ยากขึ้นอีกด้วย เทคโนโลยี TrustedServer ช่วยให้มั่นใจว่าแต่ละเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้อย่างมาก
นอกจากนี้ ExpressVPN ยังตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินซึ่งเป็นเหมือนสวรรค์ด้านความเป็นส่วนตัว และอยู่นอกพื้นที่ของเครือข่ายสอดแนมระหว่างรัฐบาลนานาชาติอย่างพันธมิตร Eyes ด้วย ที่นั่นไม่มีกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเก็บหรือนำข้อมูลของคุณไปแบ่งปันกับใคร
ExpressVPN นั้นยังผ่านการตรวจสอบจากองค์กรด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์เป็นประจำอีกด้วย โปรโตคอล Lightway, แอป และส่วนขยายเบราว์เซอร์ของมันนั้นต่างก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยเป็นที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ExpressVPN นั้นยังมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวดอีกด้วย — ซึ่ง KPMG ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าทำตามนโยบายจริงเมื่อปีค.ศ. 2022
นักวิจัยในเอเชียของเรายังได้ทดสอบความสามารถในการทำงานในสถานที่ที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด ฉันประทับใจที่บริการนี้ไม่เหมือนกับ VPN อื่น ๆ ที่สามารถใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือในประเทศจีน แต่เราไม่สนับสนุนการฝ่าฝืนกฎหมายใด ๆ ดังนั้นโปรดอ่านกฎหมายในพื้นที่ของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ VPN อย่างผิดกฎหมาย
ส่วนลดและการรับประกันที่น่าเชื่อถือ
ข้อเสียอย่างเดียวของ ExpressVPN ก็คือ บริการมีราคาแพงกว่าบริการอื่น ๆ แผนรายปีมีราคาถูกที่สุด $6.67/เดือน แผนรายเดือนและแผน 6 มีฟีเจอร์เหมือนกัน แต่มีราคาที่แพงกว่า อย่างไรก็ตาม ExpressVPN นำเสนอส่วนลดอยู่เป็นประจำและบางครั้งก็แถมบริการฟรีให้อีกหลายเดือนอีกด้วย เมื่อฉันสมัครใช้บริการ 1 ปี ฉันก็ได้รับบริการฟรีเพิ่มเติม 3 เดือน
คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยด้วยการรับประกันคืนเงิน 30 วัน หากบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณก็สามารถขอเงินคืนได้อย่างง่ายดาย หลังจากทดลองใช้งานไปได้ 27 วัน ฉันก็ขอเงินคืนผ่านบริการไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมง กระบวนการขอเงินคืนก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ตัวแทนแถมฉัน 2-3 คำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน จากนั้นก็อนุมัติการคืนเงินให้ในทันที ฉันได้เงินกลับเข้าบัญชีของฉันหลังจากผ่านไปเพียง 2 วัน
ทดลองใช้งาน ExpressVPN เลยตอนนี้
2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับการเล่นเกม สตรีมมิ่ง และโหลด torrent อย่างมีความเสถียร
- เซิร์ฟเวอร์พิเศษมากมายที่จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณไม่ว่าคุณจะทำกิจกรรมออนไลน์ใด ๆ ก็ตาม
- บริการมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 9,561 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ(และเซิร์ฟเวอร์ในกรุงเทพ) เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้ในทั่วโลก
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 7 อุปกรณ์
- การันตีคืนเงิน 45 วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix (อเมริกา อังกฤษและอื่น ๆ อีกมากมาย), Amazon Prime Video, Hulu, Disney+ , HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ อีกมากมาย
CyberGhost นั้นเป็นหนึ่งในบริการ VPN ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน — และเซิร์ฟเวอร์พิเศษของมันก็ทำให้มันเหมาะมากสำหรับใช้เข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง เซิร์ฟเวอร์พิเศษแต่ละแห่งจะถูกระบุไว้ชัดเจนว่าทำงานได้ดีที่สุดสำหรับแพลตฟอร์มใด คุณสามารถค้นหามันได้จากแถบด้านซ้ายของแอป ภายใต้ "For Streaming (สำหรับสตรีมมิ่ง)"
ในระหว่างการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ Netflix ในอเมริกาของ CyberGhost เซิร์ฟเวอร์นี้ช่วยให้ฉันสามารถเข้าถึง Netflix ได้โดยไม่ถูกบล็อก ฉันสามารถรับชม Ozark ได้ 3 ตอนได้อย่างรวดเร็วและไม่มีการสะดุดใด ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ พบว่าเซิร์ฟเวอร์พิเศษของ CyberGhost นั้นสามารถเข้าถึง Disney+, BBC iPlayer, Amazon Prime Video และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
แถม CyberGhost ยังมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับใช้เล่นเกมและโหลด torrent อีกด้วย เซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมนั้นได้รับการปรับแต่งให้มีค่าปิงต่ำและมีความเร็วที่เสถียร ในอีกทางหนึ่ง เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ P2P นั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้ดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็วพร้อมช่วยรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ไปในเวลาเดียวกัน
เซิร์ฟเวอร์ทอร์เรนต์แต่ละเซิร์ฟเวอร์จะแสดงระยะห่างจากตำแหน่งของคุณ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาตัวเลือกในบริเวณใกล้เคียง ฉันใช้ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ปานามา (ใกล้ที่สุด) เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ 600MB ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
CyberGhost มีตัวเลือก IP เฉพาะที่คุณสามารถใช้ได้โดยมีค่าธรรมเนียมรายเดือนเล็กน้อยเช่นกัน มันคือหมายเลข IP "ส่วนบุคคล" อีกประเภทหนึ่ง ที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่เข้าถึงได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถหลีกเลี่ยงความแออัดบนเซิร์ฟเวอร์และป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ตรวจพบว่าเป็นการเชื่อมต่อผ่าน VPN โดยมีหมายเลข IP ในอเมริกา อังกฤษ แคนาดา เยอรมนีและฝรั่งเศส
ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับชั้นนำ
CyberGhost จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณนั้นมีความเป็นส่วนตัว อย่างแรกเลย มันมีสำนักงานตั้งอยู่ในโรมาเนีย — นอกพื้นที่ของพันธมิตร 5, 9, และ 14 Eyes — ที่ซึ่งกฎหมายในประเทศไม่บังคับให้ต้องเก็บข้อมูลของคุณ
และมันก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่ในโรมาเนียและถูกบริหารจัดการโดยพนักงานของ CyberGhost เอง การใช้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสที่ข้อมูลของคุณจะรั่วไหลหรือถูกดักจับได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเก็บเอาไว้ มันผ่านการตรวจสอบโดย Deloitte — ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบชื่อดังระดับโลก — ผู้ที่ได้สรุปแล้วว่า CyberGhost นั้นเป็น VPN ที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลจริง พวกเขาได้พบว่าบริษัท VPN นี้ไม่ทำการติดตามหรือบันทึก: เว็บไซต์ที่คุณเข้าชม, เซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก, วันที่หรือระยะเวลาการทำกิจกรรม, ที่อยู่ IP, คำขอ DNS หรือการดาวน์โหลด
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องคุณจากอาชญากรและภัยคุกคามอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัส AES 256-bit, Perfect Forward Secrecy, การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Kill switch
ฉันทดสอบ Kill switch โดยเปลี่ยนการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในขณะที่กำลังสตรีมวิดีโอ YouTube ทันทีที่การเชื่อมต่อ VPN ของฉันถูกขัดจังหวะ ฉันถูกตัดการเชื่อมต่อจากเครือข่าย ฉันได้รับการแจ้งเตือนว่า CyberGhost บล็อกการรับส่งข้อมูลของฉันชั่วคราวจนกว่าการเชื่อมต่อ VPN ของฉันจะกลับมาเป็นปกติ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณจะไม่รั่วไหล แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
CyberGhost นำเสนอโปรโตคอลความปลอดภัยระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึง OpenVPN และ WireGuard โปรโตคอล OpenVPN นั้นเป็นโปรโตคอลที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีความปลอดภัยและความเร็วที่สมดุลซึ่งทำให้เหมาะสำหรับวัตถุประสงค์การใช้งานส่วนใหญ่ แต่ว่า WireGuard ก็เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าและการเข้ารหัสที่ทันสมัยกว่า มันเป็นตัวเลือกที่ฉันชื่นชอบมาก ฉันดีใจมากที่เห็นว่าบริการนำเสนอตัวเลือกนี้ด้วย
แอปที่ใช้งานได้ง่ายและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว
CyberGhost มีแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับระบบปฏิบัติการยอดนิยม แต่ละแอปสามารถปรับแต่งได้เพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือบล็อกเนื้อหาในตัว ที่จะช่วยป้องกันโฆษณาและตัวติดตามที่เป็นอันตรายจากการทำอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ
ฉันยังพบว่าฟีเจอร์ Smart Rules มีประโยชน์อย่างมากอีกด้วย มันช่วยให้คุณปรับแต่งวิธีการและเวลาที่แอปปกป้องการเชื่อมต่อของคุณ ตัวอย่างเช่น ฉันตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN โดยอัตโนมัติเมื่อฉันเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย Smart Rules ยังช่วยให้คุณตั้งค่า "ข้อยกเว้น" ที่ทำงานคล้าย ๆ กับฟีเจอร์ Split tunneling อีกด้วย
CyberGhost นั้นมีความเร็วที่สูงมาก ทำให้คุณสามารถสตรีม เล่นเกม และ torrent ได้อย่างไม่ถูกขัดจังหวะ ตอนที่เราได้ลองทดสอบเซิร์ฟเวอร์ใกล้ ๆ 3 แห่ง (ไมอามี่ แอตแลนต้า และชิคาโก้) เราก็ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 45 Mbps เรายังได้ลองเซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะในนิวยอร์กเพื่อเล่น Call of Duty: Warzone ออนไลน์โดยค่าปิงก็มีความเสถียรอยู่ที่ราว ๆ 41 ms ระหว่างที่ลองเล่นอยู่เป็นชั่วโมงนั้นก็มีอาการแลคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต่อไปฉันทดสอบตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล 3 แห่งในเยอรมนี ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่นและเยอรมนีรักษาความเร็วได้สูงกว่า 39 Mbps เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลียมีความเร็วลดลงเหลือ 18 Mbps ซึ่งเป็นการสูญเสียความเร็วที่เยอะมากพอสมควร แต่โชคดีที่ CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 150 ตำแหน่งในออสเตรเลีย ดังนั้นฉันจึงสามารถสลับเซิร์ฟเวอร์และค้นหาการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นได้
ข้อเสียเล็กน้อยอย่างหนึ่งก็คือ CyberGhost ไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศที่มีการจำกัดการใช้งานที่เข้มงวด เช่น จีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างไรก็ตามคุณควรพิจารณาประเด็นนี้หากคุณอาศัยอยู่หรือวางแผนที่จะไปเยือนประเทศใดประเทศหนึ่งที่กล่าวมา
แพลนราคาถูกและรับประกันนานเป็นพิเศษ
การสมัครสมาชิกนั้นมีราคาไม่แพง คุณสามารถ รับบริการจาก CyberGhost ได้ในราคาเพียง $2.11/เดือน สำหรับแพลนการสมัครสมาชิกที่ยาวที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะมีแพลนแบบรายเดือน แต่มันก็จะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยในแต่ละเดือน และก็จะมีการรับประกันคืนเงินเพียงแค่ 14 วัน เพื่อที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากที่สุด เราแนะนำให้คุณเลือกใช้แพลนระยะยาวที่สุด
แพลนระยะยาวนั้นจะยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 45 วัน อีกด้วย และเราก็ได้ทดลองขอคืนมาเองกับมือแล้ว เราได้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าผ่านไลฟ์แชท 24/7 เพื่อขอคืนเงิน ทางตัวแทนก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี และก็ถามคำถามเราเพียงไม่กี่ข้อเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานของเรา หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้รับการอนุมัติคืนเงิน และเราก็ได้เงินคืนเข้าบัญชีภายใน 4 วัน
ทดลองใช้งาน CyberGhost ได้เลยตอนนี้
3. Private Internet Access — สามารถปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้คุณสามารถจัดสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัยได้
- การตั้งค่าที่มีความยืดหยุ่น จะช่วยปรับแต่งความเร็วและความปลอดภัยของคุณได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละกิจกรรม
- บริการมีมากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้ในทั่วโลก
- เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์
- การรับประกันเงินคืน 30 วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ อีกมากมาย
- แอปและส่วนขยายเบราเซอร์ในภาษาไทย
Private Internet Access (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PIA) นำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในราคาไม่แพง ซึ่งทำให้บริการนี้ได้รับความิยมอย่างมากในสองสามปีที่ผ่านมา
ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้ตามใจคุณ
PIA นั้นจะเปิดให้คุณสามารถควบคุมการเชื่อมต่อได้เป็นอย่างสูง ทำให้คุณสามารถปรับแต่งมันได้ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกระหว่างโปรโตคอล VPN ที่พบเจอได้บ่อยที่สุดอย่าง: OpenVPN และ WireGuard ในการที่จะได้รับความเร็วที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง เราเปลี่ยนไปใช้ WireGuard ซึ่งในการทดสอบของเรานั้นทำงานได้ดีกว่า OpenVPN ในด้านความเร็วถึง 9%
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เราจะเข้าถึงบัญชีธนาคาร เราก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนไปใช้โปรโตคอล OpenVPN ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า สำหรับการเชื่อมต่อของ OpenVPN คุณจะมีตัวเลือกเกี่ยวกับระดับการเข้ารหัส ไม่ว่าจะเป็น 128-bit หรือ 256-bit เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้รับการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลลับของเรา เราจึงเพิ่มระดับการเข้ารหัสเป็น 256-bit
และเพื่อเป็นการเพิ่มการป้องกันเข้าไปอีกขั้น เราจึงเปิดใช้งาน "การสื่อสารแบบหลายฮอป" เพื่อเปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อของเราผ่านพร็อกซี่ SOCKS5 เพิ่มจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อีกด้วย PIA ทำให้เราสามารถเพิ่มความคุ้มกันได้หลายชั้นอย่างง่ายดาย และตอนที่ไม่จำเป็นแล้วเราก็สามารถนำออกได้
นอกจากนี้ PIA ยังมีเครื่องมือบล็อกมัลแวร์ที่มีชื่อว่า MACE ซึ่งช่วยปกป้องคุณจากมัลแวร์และไวรัสต่าง ๆ ได้ฉันได้ทำการทดสอบโดยการเข้าไปใช้งานในเว็บทอร์เรนต์ที่มีโฆษณาจำนวนมาก และเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ และฉันประทับเป็นอย่างมากที่ MACE สามารถให้บริการได้อย่างดีเยี่ยม
เรื่องหนึ่งที่ควรทราบไว้ก็คือ PIA นั้นมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรในแง่ของความเป็นส่วนตัว — แต่มันก็ผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดมาแล้ว เช่นเดียวกันกับ CyberGhost Deloitte รายงานว่า PIA ได้ทำตามนโยบายความเป็นส่วนตัวตามสัญญา และก็เป็น VPN ที่ไม่ได้บันทึกข้อมูลจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น PIA เคยถูกขอให้ส่งข้อมูลผู้ใช้งานให้หลายครั้งแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ พวกเขาจึงไม่มีข้อมูลที่จะแบ่งปันให้กับใคร
ความเร็วสูงสำหรับการสตรีมและดาวน์โหลด
ในขณะที่เราทดสอบเครื่องมือบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์ทอร์เรนต์ เราก็ได้ทดสอบความสามารถในการทอร์เรนต์ของ VPN ด้วย PIA อนุญาตให้แชร์ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดและมีการตั้งค่า SOCKS5 แบบ multi-hop ในตัวที่ช่วยให้คุณมีปลอดภัยเป็นพิเศษในขณะที่ทอร์เรนต์ นอกจากนี้ยังมี Port Forwarding ซึ่งช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับ peers ได้มากขึ้นอีกด้วย สิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดทอร์เรนต์ของคุณ
เนื่องจากบริการโฆษณาว่ามีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของตนเองเกือบ 30,000 เซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุด เราจึงคาดหวังความเร็วที่รวดเร็วจากบริการ และ Private Internet Access ก็ทำได้จริง ๆ
ไม่เพียงแต่ความเร็วของ PIA จะสูงพอสำหรับการดาวน์โหลดที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังเร็วพอที่จะสตรีมในรูปแบบ HD โดยไม่มีการสะดุดหรือกระตุกเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เทคโนโลยีป้องกันการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ทำให้ฉันสามารถเข้าถึง Netflix ในอเมริกาและอังกฤษ, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video และเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้
คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากเท่าที่คุณต้องการด้วย PIA และมันก็สามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ทั้งหมด เราชอบที่ส่วนขยาย Chrome ของมันนั้นมีตัวบล็อกคุกกี้เพื่อป้องกันไม่ให้การท่องเว็บของคุณนั้นถูกติดตาม Split tunneling ก็มี แต่เฉพาะสำหรับเดสก์ท็อปและ Android (iOS ไม่มี)
การช่วยเหลือลูกค้าและทรัพยากรที่ยอดเยี่ยม
แอปของ PIA นั้นใช้งานง่ายมาก แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม คุณสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าผ่านฟีเจอร์ไลฟ์แชทได้ ทุกครั้งที่ฉันถามคำถาม ฉันได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์และรวดเร็วจากตัวแทน แต่หากคุณต้องการหาทางออกเอง คุณก็ยังมีฐานความรู้ขนาดใหญ่ของคำถามที่พบบ่อย คำแนะนำและคู่มือการตั้งค่าที่ให้ความรู้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
โดยรวมแล้ว Private Internet Access นั้นมีความคุ้มค่ามากสำหรับผู้ที่เป็นห่วงเรื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว — คุณสามารถรับบริการได้ในราคาเพียง $2.11/เดือน เมื่อสมัครใช้งานแพลนระยะยาว PIA นั้นเปิดให้เชื่อมต่อได้พร้อมกันไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ซึ่งก็แปลว่าคุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ในครอบครัวทั้งหมดได้ด้วยการสมัครสมาชิกบัญชีเดียว ด้วยการใช้ประโยชน์จากการรับประกันคืนเงิน คุณจะสามารถ ทดลองใช้ PIA ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน
ทดลองใช้งาน Private Internet Access เลยตอนนี้
4. NordVPN — โปรโตคอล NordLynx สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงทั้งระยะใกล้และไกล
- โปรโตคอลที่พัฒนาขึ้นเอง (NordLynx) มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและความเร็วสูง
- 5,880 เซิร์ฟเวอร์ใน 60 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) สำหรับใช้ปลดบล็อกเนื้อหาทั่วโลกได้จากทุกแห่ง
- เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 6 อุปกรณ์
- รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ
NordVPN มีโปรโตคอลเอ็กซ์คลูซีฟชื่อ NordLynx ซึ่งมีความเร็วที่น่าประทับใจและมีความปลอดภัยระดับชั้นนำ มันใช้โปรโตคอล WireGuard ที่มีความเร็วสูงเป็นฐานและลบเรื่องช่องโหว่ด้านความเป็นส่วนตัวออกไป ด้วยการใช้ระบบ double NAT (Network Address Translation) การเชื่อมต่อของคุณจึงมีความปลอดภัยโดยที่ไม่มีการเก็บข้อมูลบ่งชี้ตัวตนของคุณไว้บนเซิร์ฟเวอร์ VPN
NordLynx นั้นมีความเร็วสูงมากสำหรับทั้งพื้นที่ใกล้เคียงและที่อยู่ทั่วโลก ด้วยความเร็วฐานที่ 52.46 Mbps เราได้เริ่มทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ห่างไกลและความเร็วเฉลี่ยก็ตกมาอยู่ที่ 45.21 Mbps ระหว่างฮ่องกงกับออสเตรเลีย (อยู่ห่างจากเราเป็นพันไมล์) ความเร็วเฉลี่ยระหว่างเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไม่ไกล 4 เซิร์ฟเวอร์ (1 ที่ในคอสตาริก้า และ 3 ที่ในสหรัฐอเมริกา) อยู่ที่ 43.52 Mbps
ฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครมากมาย
Meshnet (โดย NordLynx) จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านทางอุโมงค์เข้ารหัสได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถแชร์ไฟล์ระหว่างแต่ละอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เข้าถึงโฟลเดอร์จากคอมพิวเตอร์ที่บ้านในขณะที่คุณเดินทาง
NordVPN นั้นมีตัวบล็อกโฆษณาแบบบิ้วท์อินที่ชื่อว่า Threat Protection (ในอดีตชื่อว่า CyberSec) เพื่อที่จะทำการทดสอบ เราได้ลองเข้าเว็บที่มีโฆษณาเยอะ ๆ อย่าง forbes.com พอเราเปิดใช้งานตัวบล็อกโฆษณาแล้ว บนหน้าเว็บเพจ (ซึ่งก่อนหน้านี้จะเต็มไปด้วยโฆษณาและโหลดช้า) ก็กลายเป็นไม่มีโฆษณาและโหลดได้เร็วมาก
แถม ฟีเจอร์ Threat Protection ของมันยังช่วยป้องกันมัลแวร์ไม่ให้มาติดในอุปกรณ์ของคุณด้วย — ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อ VPN ก็ตาม และการตรวจสอบ Dark Web ก็จะคอยแจ้งเตือนคุณ ถ้าหากว่าที่อยู่อีเมลของคุณ (ซึ่งเชื่อมต่อกับบัญชี VPN) นั้นไปปรากฏอยู่บน Dark Web
ฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ประกอบไปด้วย kill switch ที่มี 2 การตั้งค่า (สำหรับอินเทอร์เน็ตและแอป หรือทั้งสองอย่าง) การเข้ารหัส 256-bit และการป้องกันการรั่วไหล DNS/IP และ NordVPN ยังมีเซิร์ฟเวอร์ DNS เป็นของตนเอง เพื่อช่วยดูแลไม่ให้ใครมาติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ นอกจากนี้การสื่อสารแบบหลายฮอปและเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการทำ obfuscation นั้นจะยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในขณะที่คุณท่องเว็บอีกด้วย แต่ NordVPN นั้นไม่สามารถใช้งานในจีนได้
NordVPN นั้นทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้วถึงสามครั้ง ครั้งล่าสุดถูกตรวจสอบโดยองค์กรด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Deloitte เมื่อธันวาคม ค.ศ. 2022 NordVPN นั้นทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล 100% การที่มันตั้งอยู่ที่ปานามา ประเทศที่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการให้เก็บข้อมูล ก็ยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจได้ว่ากิจกรรมของคุณที่ทำผ่าน VPN นั้นจะมีความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด
VPN ที่ดีมากสำหรับสตรีมมิ่งและโหลด torrent
ความสามารถในการปลดบล็อกเว็บไซต์ของ NordVPN นั้นทำให้มันเหมาะสำหรับใช้สตรีมมิ่งมาก เราทดสอบดูกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่เราชื่นชอบอย่าง Netflix, HBO Max และ Hulu เราสามารถเข้าถึงได้ทุกแพลตฟอร์ม — เราสามารถปลดบล็อกบัญชี Netflix สหรัฐอเมริกา, BBC iPlayer, และ RTL+ ของเราได้
ไม่ใช่ว่าทุกเซิร์ฟเวอร์จะรองรับการโหลด torrent แต่มันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ P2P ตั้งอยู่ในหลายประเทศ เพื่อให้คุณใช้ดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเสถียร คุณสามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดได้ด้วยการใช้ split tunneling หรือการเชื่อมต่อพร็อกซี่ SOCKS5 ของมัน
ใช้งานง่าย ฝ่ายดูแลลูกค้าตอบสนองไว
การติดตั้งแอปนั้นก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไรเรื่องอินเทอร์เฟซที่ดูใหญ่เทอะทะกินพื้นที่หน้าจอมาก ๆ อย่างไรก็ตามฟีเจอร์แผนที่โลกนั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับช่วยค้นหาและเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์
เราแนะนำแพลนระยะยาวราคา $2.99/เดือน เพื่อที่จะประหยัดเงินมากที่สุด มีตัวเลือกระยะสั้นให้เลือกแต่มันจะแพงกว่า
นอกจากนี้การสมัครสมาชิกทั้งหมดก็จะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้ เราใช้ไลฟ์แชท 24/7 ในการขอคืนเงิน ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมา 28 วันแล้ว เธอก็ยังตกลงคืนเงินให้เรา และเราก็ได้เงินคืนเข้าบัญชีธนาคารภายใน 5 วัน
5. Surfshark — VPN ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในราคาไม่แพง
- เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำของโลกเพื่อช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์
- 3,200 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ (และมีอยู่ในประเทศไทยด้วย) เพื่อไว้สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว
- ไม่จำกัด การเชื่อมต่อพร้อมกัน
- รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ, Amazon Prime Video, Disney+, HBO Max, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ
- อีเมลและไลฟ์แชทฝ่ายบริการลูกค้าสามารถติดต่อได้เป็นภาษาไทยเพราะมีฟีเจอร์ช่วยแปลภาษา
พอเห็นว่ามันมีราคาถูกขนาดนี้ มันก็ยิ่งน่าประทับใจมากที่ Surfshark นั้นมีหนึ่งในฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงที่สุดของอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch, Perfect Forward Secrecy และการป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS หลังจากที่ทดสอบดู 8 เซิร์ฟเวอร์แล้ว เราก็โล่งอกที่ไม่พบการรั่วไหลใด ๆ.
คุณสามารถเลือกโปรโตคอลที่มีชื่อเสียงได้มากมายด้วย — WireGuard, OpenVPN และ IKEv2 เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คุณก็สามารถเปิดใช้งานการสับเปลี่ยนหมุนเวียน IP ซึ่งจะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณทุก ๆ 5-10 นาที มันจะไม่รบกวนการเชื่อมต่อของคุณในขณะที่เปลี่ยนไปที่อยู่ IP ใหม่ CleanWeb เป็นโบนัสแถมที่ดีมาก มันช่วยป้องกันโฆษณา ตัวติดตาม มัลแวร์ และการฟิชชิง มันพึ่งได้รับการอัปเดตเมื่อไม่นานมานี้เพื่อให้บล็อกป๊อปอัพที่ขออนุญาตคุกกี้น่ารำคาญนั่น
ฟีเจอร์ NoBorders (ไร้พรมแดน) ก็จะช่วยให้คุณใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระ ด้วยการเปิดใช้งานอัตโนมัติตอนที่มันตรวจพบการจำกัดการเข้าถึงในเครือข่าย มันจะแจ้งรายการเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้ดีที่สุดในการหลบหลีกปัญหาแบบนั้น ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแอปที่ถูกบล็อกได้อย่างเป็นส่วนตัวและมีความเสถียร ยิ่งไปกว่านั้น Camouflage Mode ก็จะทำการ obfuscation ให้ทราฟฟิคของคุณ เพื่อทำให้คุณไม่ถูกตรวจพบ
สตรีมมิ่งได้เร็วและมีความเสถียร
Surfshark นั้นมีความเสถียรด้านการปลดบล็อก เราสามารถเข้าถึง Netflix สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ, HBO Max และ Amazon Prime Video ได้ตอนที่เดินทางอยู่ต่างประเทศ
'Fastest location' (ตำแหน่งที่เร็วที่สุด) จะช่วยทำให้เราได้รับความเร็วสูงสุดสำหรับการสตรีมมิ่งและการเล่นเกม ด้วยการใช้ฟีเจอร์ประเทศที่ใกล้ที่สุด เราจึงได้เชื่อมต่อไปยังคอสตาริก้า นี่ทำให้เราได้ความเร็วอยู่ที่ 39.23 Mbps — เราดู The boy in the striped pajamas บน Netflix คอสตาริก้าได้อย่างไม่มีการบัฟเฟอร์ และเรายังได้ทดสอบอีก 3 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งก็มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 35 Mbps อย่างไรก็ตาม นิวซีแลนด์กับไทย นั้นช้ากว่ามากด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ 16.32 Mbps
มันยังเป็น VPN สำหรับโหลด torrent ที่ดีอีกด้วย เพราะฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและความเร็วสูง เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ P2P ได้อย่างไม่มีปัญหาและก็ดาวน์โหลดไฟล์ 1 GB เสร็จภายใน 6 นาทีด้วยความเร็วดาวน์โหลดเฉลี่ยที่ 23.7 Mbps
ความเป็นส่วนตัวดีแต่ก็ยังดีกว่านี้ได้
เราค่อนข้างเป็นห่วงตอนที่พบว่า VPN นี้ตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกของพันธมิตร 14 Eyes อย่างไรก็ตาม มันใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ และก็จะมีการล้างข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เป็นประจำ เหมือนกับ NordVPN นอกจากนี้ Surfshark นั้นก็ยังทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบอิสระโดย Deloitte ในปี 2022 ดังนั้นเราก็เลยรู้สึกมั่นใจว่าข้อมูลละเอียดอ่อนของเรานั้นจะถูกเก็บไว้เป็นส่วนตัว
แพลนต่าง ๆ นั้นมีราคาเป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า เริ่มต้นแค่ $2.69/เดือน เพียงแค่เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยในแต่ละเดือน คุณจะสามารถอัปเกรดไปใช้ Surfshark One ได้ นี่จะรวมโปรแกรมแอนตี้ไวรัส เบราว์เซอร์ที่เป็นส่วนตัวและไม่มีโฆษณา (Search) และ Alert — ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณถ้ามันตรวจพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคุณรั่วไหล
Surfshark เปิดให้คุณลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน ด้วยการรับประกันคืนเงิน ตอนที่เราทดสอบเรื่องนี้ ตัวแทนทางไลฟ์แชท 24/7 ก็ทำเรื่องขอคืนเงินให้เรา และเราก็ได้รับเงินคืนในบัตรเครดิตก่อนจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
6. IPVanish — การเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อป้องกันสำหรับทุกอุปกรณ์
- เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์เพื่อให้ได้รับการปกป้องทั้งครอบครัว
- บริการมีมากกว่า 2,200 เซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 75 ประเทศ ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์และแพลตฟอร์มที่ถูกปิดกั้นได้
- รับประกันคืนเงิน 30 วัน
- เข้าถึงได้: Netflix, Hulu, Disney+, HBO Max และอื่น ๆ อีกมากมาย
- การช่วยเหลือผ่านอีเมล์และไลฟ์แชทในทุกภาษา: IPVanish ใช้เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติเพื่อให้คุณสามารถพูดคุยกับตัวแทนได้ในภาษาไทย
IPVanish จะเปิดให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนด้วยการสมัครสมาชิกบัญชีเดียว — เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ในการทดสอบของเรา เราทำการเชื่อมต่อ Windows PC, Macbook, iPhones สองเครื่อง, และแท็บเล็ต Android ไปพร้อม ๆ กัน แต่เราก็ไม่เจอปัญหาหรือความเร็วตกเลย ถึงแม้จะใช้ทุกเครื่องไปพร้อม ๆ กัน
IPVanish รักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณด้วยมาตรฐานการเข้ารหัสที่รัดกุม ประเภทของการเข้ารหัสขึ้นอยู่กับโปรโตคอลที่คุณเลือก: OpenVPN, IKEv2, WireGuard, L2TP, IPSec หรือ PPTP แต่ละโปรโตคอลเหล่านี้มีข้อดีและข้อเสียสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน แต่ OpenVPN และ WireGuard มักจะให้ความปลอดภัยและความเร็วที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมี Kill switch ที่เชื่อถือได้ การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Split tunneling แต่ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานบนแอป Android เท่านั้น หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Scramble เพื่อพรางการรับส่งข้อมูลและซ่อนการใช้งาน VPN ได้ น่าเสียดายที่ IPVanish ไม่มีการป้องกันมัลแวร์ เครื่องมือบล็อกโฆษณาหรือฟีเจอร์ multi-hop
ค้นหาตำแหน่งและเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดได้โดยอัตโนมัติ
IPVanish ไม่ใช่ VPN ที่ซับซ้อนและมีการตั้งค่าที่ปรับแต่งได้ไม่มาก แต่นั่นก็หมายความว่าแอปสามารถใช้งานได้ง่ายมาก ฉันชอบฟีเจอร์ "Best Available Server" มาก คุณแค่ต้องเลือกตำแหน่งที่ต้องการและ IPVanish จะค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดให้คุณ หากคุณไม่มีเมืองที่ต้องการ คุณสามารถใช้ตัวเลือก "Best Available City" เพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในประเทศใดก็ได้
IPVanish มีมากกว่า 2,200 เซิร์ฟเวอร์ในทั่วโลก ฉันทำการทดสอบความเร็วใน 7 เซิร์ฟเวอร์และความพบว่าความเร็วในเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นมันน่าประทับใจมาก ความเร็วที่ต่ำที่สุดที่ฉันเจอคือ 10 Mbps ซึ่งมากพอสำหรับการสตรีมในแบบ HD โดยไม่สะดุด
แต่ละเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันทดสอบช่วยให้ฉันสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งในภูมิภาคที่ฉันอาจถูกบล็อก เช่น Netflix แคนาดาและ Disney+ ได้ IPVanish สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ในบริการสตรีมมิงยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
มันจะต่างจาก VPN อื่น ๆ ในรายการนี้ตรงที่ IPVanish นั้นเป็นเจ้าของและบำรุงรักษาเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดเอง นี่หมายความว่า คนที่จะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ VPN ได้ก็มีแต่พนักงานของ IPVanish เท่านั้น — คุณจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องบุคคลที่สามที่จะแอบมาเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และดูดข้อมูลของคุณไป
เนื่องจาก IPVanish ใช้งานได้ง่าย คุณจึงไม่น่าจะพบปัญหาใด ๆ แต่ถ้าคุณพบปัญหาใด ๆ คุณสามารถติดต่อฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าผ่านการไลฟ์แชท อีเมลหรือโทรศัพท์ได้ ฟีเจอร์ไลฟ์แชทพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและแม้ว่าคุณจะต้องพูดคุยกับบอทก่อนจะติดต่อกับคนจริง ๆ เราก็พบว่ามันเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก
นอกจากความเร็วสูง การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์แล้ว บริการยังมีราคาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย (โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $2.99/เดือน) นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันเพื่อให้คุณสามารถทดลองใช้ IPVanish ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ทดลองใช้ IPVanish ได้เลยตอนนี้
7. PrivateVPN — VPN ที่ดีแต่มีเครือข่ายขนาดเล็ก
- บริการมีมากกว่า 200 เซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ
- เชื่อมต่อพร้อมกัน10อุปกรณ์
- การรับประกันเงินคืน30วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, BBC iPlayer, Sky Go, Sling TV และ Fox Go
PrivateVPN มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ค่อนข้างเล็ก แต่มีหลายเซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น
ความเร็วที่ดีสำหรับการสตรีม
ฉันและทีมได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในอังกฤษ อเมริกา อิตาลีและออสเตรเลีย เพื่อดูว่า PrivateVPN สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นและบริการสตีมมิ่งได้หรือไม่ เราได้ทดสอบใช้งาน Netflix อเมริกา, Sling TV และ BBC iPlayer และบริการก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด
เราได้ทำการทดสอบความเร็วของ PrivateVPN และเราก็พบว่าบริการใช้งานได้ดีที่สุดเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีตำแหน่งใกล้เคียงกับคุณ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมของ VPN การเชื่อมต่อจะทำให้ความเร็วลดลงและยิ่งลดลงมากขึ้นเมื่อเราทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล แต่ถึงอย่างนั้นการเชื่อมต่อของเราก็ยังเร็วพอสำหรับการใช้งานและสตรีมแบบ HD ได้อย่างราบรื่น ฉันยังสังเกตเห็นว่าแอปต่าง ๆ ได้รับการออกแบบมาอย่างเรียบง่ายและใช้งานง่าย
นโยบานความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดและฟีเจอร์เพิ่มเติม
PrivateVPN ตั้งอยู่ในสวีเดนและมุ่งมั่นที่จะให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ แม้ว่าจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ภายในเขตอำนาจศาล 14-Eyes แต่บริการก็ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานอย่างเข้มงวด ซึ่งหมายความว่าบริการไม่สามารถให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับคุณได้ เนื่องจากบริการไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม พร้อมการเข้ารหัส AES 256-bit และโปรโตคอลความปลอดภัย 5 แบบให้เลือก
เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม PrivateVPN นำเสนอ Kill switch และการป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 และ DNS นอกจากนี้ยังมีโหมด Stealth VPN ที่ออกแบบมาเพื่อเลี่ยงการบล็อก VPN และไฟร์วอลล์ DPI เรารู้มาว่าโหมด Stealth ใช้งานได้จริงเพราะทีมงานของเราในประเทศจีนยืนยันมาว่าสามารถใช้งานได้
หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการที่มีข้อเสนอที่ดีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว คุณอาจต้องการพิจารณา PrivateVPN (แผนระยะยาวมีราคาแค่ $2/เดือน) นอกจากนี้บริการยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันที่ช่วยให้คุณทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจได้ว่าบริการนี้เหมาะกับคุณหรือไม่
ทดลองใช้งาน PrivateVPN ได้เลยตอนนี้
8. Proton VPN — มีแค่ฟีเจอร์ธรรมดาทั่วไป แต่น่าเชื่อถือและปลอดภัย
- บริการมีมากกว่า 3,025 เซิร์ฟเวอร์ใน 69 ประเทศ
- เชื่อมต่อพร้อมกัน10อุปกรณ์
- การรับประกันเงินคืน30วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, HBO Max และ BBC iPlayer
Proton VPN มีมากกว่า 3,025เซิร์ฟเวอร์ใน 69 ประเทศ บริการสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมทั่วไปได้ เช่น Netflix, Hulu และ Amazon Prime Video แต่ไม่สามารถเข้าถึง Disney+ และ ESPN ได้ในระหว่างทำการทดสอบ
ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
Proton VPN ใช้โปรโตคอล OpenVPN และการเข้ารหัส AES 256-bit นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์และมีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งหมายความว่าบริการจะไม่จัดเก็บข้อมูลใด ๆ หรือกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และถึงแม้บริการจะเก็บข้อมูลไว้ รัฐบาลก็ไม่สามารถขอข้อมูลใด ๆ ได้เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของประเทศ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Proton VPN แตกต่างจากบริการอื่นก็คือเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ที่เราได้ทดสอบในรีวิว Proton VPN นี้ มันเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยสูง ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยอย่างในไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์และสวีเดน ซึ่งประเทศเหล่านี้มีกฏหมายด้านความเป็นส่วนตัวที่เอื้ออำนวย
Proton VPN ให้ตัวเลือกแก่คุณในการกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ก่อน จากนั้นจึงส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN อื่นก่อนที่จะถึงปลายทาง มันคือฟีเจอร์ multi-hop แต่ได้รับการเพิ่มความปลอดภัยทางกายภาพด้วยเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันจะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงอย่างมาก
ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และแผนฟรีที่มีข้อจำกัด
ด้วยแผน Plus คุณจะสามารถเชื่อมต่อได้มากถึง 10 อุปกรณ์ในครั้งเดียว ซึ่งอุปกรณ์จำนวนเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ Proton VPN มีฟีเจอร์โปรไฟล์การเชื่อมต่อที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งการเชื่อมต่อ VPN ในแบบที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P โปรโตคอลที่คุณต้องการและตั้งชื่อว่าเป็นเชื่อมต่อสำหรับการ "ทอร์เรนต์" และเรียกใช้การเชื่อมต่อนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการดาวน์โหลดไฟล์
คุณสามารถทดลองใช้ Proton VPN ได้โดยใช้เวอร์ชันฟรี มันมีข้อมูลไม่จำกัดและคุณไม่จำเป็นต้องดูโฆษณาเพื่อใช้งาน แต่แผนบริการฟรีไม่รองรับการทอร์เรนต์ และไม่อนุญาตให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นส่วนใหญ่ (นอกจากนี้ความเร็วในการเชื่อมต่อยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่) ฉันขอแนะนำให้เลือกใช้แผนชำระเงินแทน
แผน Plus มาพร้อมกับทุกอย่างที่ Proton VPN นำเสนอ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ Secure Core, การรองรับ Tor และเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ 10 Gbps ถ้าคุณต้องการแค่ VPN แค่อย่างเดียว คุณสามารถเลือกใช้แผนระยะยาว ซึ่งมีราคาที่ $4.99/เดือน หรือจะเลือกใช้ Proton VPN คู่กับบริการอื่น ๆ ของ Proton เช่นอีเมล์เข้ารหัส ปฏิทินและบริการคลาวด์โดยมีค่าบริการเพิ่มเติม
ProtonVPN เป็นบริการที่เสถียรและให้การเข้ารหัสที่เหมาะสมและสามารถปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจำนวนหนึ่งได้ คุณสามารถทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยใช้การรับประกันคืนเงิน 30วัน
ทดลองใช้งาน Proton VPN ได้เลยตอนนี้
9. Hotspot Shield — ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่ไม่ทำให้ความเร็วลดลง
- บริการมีมากกว่า 1,800 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า80 ประเทศ
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 5 อุปกรณ์
- รับประกันเงินคืน 45 วัน
- สามารถเข้าถึง: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, Vudu, Sky Go และอื่น ๆ อีกมากมาย
- การช่วยเหลือผ่านอีเมล์และไลฟ์แชทในภาษาไทย: ทีมงานจะใช้เครื่องมือแปลภาษาในตัวเพื่อสื่อสารกับคุณในทุกภาษา
Hotspot Shield ขึ้นชื่อในเรื่องความเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากโปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริการ นั่นคือ Catapult Hydra โปรโตคอลนี้ใช้การเข้ารหัส AES 256-bit เช่นเดียวกับ OpenVPN แต่ฉันพบว่ามันเร็วกว่ามาก เมื่อฉันทดสอบ ฉันมีความเร็วเมื่อไม่เชื่อมต่ออยู่ที่ 57 Mbps หลังจากเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงโดยใช้ Catapult Hydra ความเร็วของฉันลดลงเหลือแค่ 54 Mbps เท่านั้น ฉันไม่สังเกตเห็นผลกระทบใด ๆ ต่อการเชื่อมต่อของฉัน
แม้แต่ในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลก็ยังรักษาความเร็วของฉันไว้ได้ ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในทั่วโลก 4 เซิร์ฟเวอร์ ในเยอรมัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและอเมริกา และฉันมีความเร็วเฉลี่ยที่ 49 Mbps แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นจะอยู่ห่างจากฉันออกไปหลายพันไมล์ แต่ความเร็วในการเชื่อมต่อนั้นยังเร็วมากพอที่จะสตรีมในความคมชัดแบบ Ultra HD
Hotspot Shield ใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ซึ่งรวมถึงการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ Kill switch เพื่อช่วยปกปิดข้อมูลของคุณในทุกสถานการณ์ แต่คุณต้องเปิดใช้งาน Kill switch ด้วยตนเองในการตั้งค่าความปลอดภัยของแอป แต่วิธีนี้ทำได้ง่ายมาก นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้ยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์และเว็บฟิชชิ่งในตัวอีกด้วย
Hotspot Shield มีฟีเจอร์ Perfect Forward Secrecy ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ข้อมูลในอดีตและอนาคตของคุณถูกถอดรหัสได้ ในกรณีที่คีย์เซสชันปัจจุบันของคุณถูกเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก
บริการสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งส่วนใหญ่ได้ ยกเว้น Hulu
Hotspot Shield เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีม เพราะมันสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ได้ (เกือบ) ทั้งหมด บริการนำเสนอ 1,800 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 80 ประเทศ ดังนั้นคุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการทดสอบ ฉันถึงลองเข้าถึง Netflix ของอเมริกา อังกฤษและญี่ปุ่น นอกจากนี้ฉันยังสามารถเข้าถึง Disney+ และ Amazon Prime Video ได้อีกด้วย เว็บไซต์เดียวที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก็คือ Hulu
คุณยังสามารถใช้ Hotspot Shield บนสมาร์ททีวีหรือคอนโซลเกมได้ด้วยการตั้งค่าบนเราเตอร์ ฉันพบคำแนะนำที่ง่ายต่อการปฏิบัติตามบนเว็บไซต์ และภายในไม่กี่นาที ฉันก็สามารถตั้งค่าการใช้งานบนเราเตอร์ ASUS ของฉันได้ มันทำให้ฉันสามารถใช้ VPN บน Apple TV และช่วยให้ฉันรับชม The Mandalorian บน Disney+ บนหน้าจอขนาดใหญ่ได้
Hotspot Shield รองรับ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทอร์เรนต์ ฉันทดสอบแล้วและพบว่าการดาวน์โหลดนั้นทำได้รวดเร็ว ฉันยังไม่พบการใช้งานที่มากเกินไปในเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากบริการไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่ในเซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P เพียงไม่กี่เครื่องเท่านั้น
ข้อเสียอย่างของบริการก็คือ นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Hotspot Shield ที่ค่อนข้างคลุมเครือ อย่างไรก็ตามจากการค้นคว้าเพิ่มเติม ฉันพบว่าบริการไม่ได้บันทึกข้อมูลใด ๆ ที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวผู้ใช้ได้ แม้ว่าบริการจะบันทึกหมายเลข IP ของคุณชั่วคราวเพื่อป้องกันการโกงบริการ แต่ข้อมูลนี้จะถูกเข้ารหัสทันทีและลบออกหลังจากเซสชัน VPN ของคุณสิ้นสุดลง
แผนระยะยาวที่มีราคาไม่แพง
หากคุณสมัครแผนบริการระยะยาว คุณจะสามารถรับบริการ Hotspot Shield ได้ในราคาเพียง $2.99/เดือน นอกจากนี้ยังมีแผนรายเดือนและรายปียังมีฟีเจอร์เหมือนกัน แต่แผนรายเดือนมีราคาแพงกว่ามาก แผน 3 ปีนั้นคุ้มค่าที่สุดในด้านราคา นอกจากนี้ยังมีบริการฟรี แต่บริการฟรีให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ 1 แห่งในอเมริกาเท่านั้นและข้อมูลของคุณจำกัดเพียง 500MB ต่อวัน
หากคุณต้องการลองใช้ HotSpot Shield อย่างปลอดภัย บริการก็มาพร้อมการรับประกันคืนเงิน 45 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ยาวนานกว่า VPN ส่วนใหญ่ในรายการนี้
ทดลองใช้งาน Hotspot Shield ได้เลยตอนนี้
บริการ VPN ที่ดีที่สุด — ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว
ทำไมคุณต้องใช้ VPN
ในโลกปัจจุบันความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามได้ ทุกครั้งที่ใช้อินเทอร์เน็ต คุณอาจเปิดเผยตัวเองต่อความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและทำให้เสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนต่ออาชญากรไซเบอร์หรือบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ คุณยังอาจถูก ISP และหน่วยงานรัฐบาลที่อาจควบคุมความเร็วหรือเซ็นเซอร์บางเว็บไซต์เพื่อให้บริการผลประโยชน์ของตนเอง
แน่นอนว่าการหยุดใช้อินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้สักเท่าไหร่ แต่การทดความเสี่ยงลงนั้นสามารถเป็นไปได้ นี่แหละคือหน้าที่ของ VPN นอกเหนือจากการเพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้อินเตอร์เน็ตและปกป้องความเป็นส่วนตัวแล้ว VPN ยังช่วยให้คุณมีอิสระในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การสตรีมรายการทีวีและภาพยนตร์ต่างประเทศ ไปจนถึงการแชร์ไฟล์ผ่านเครือข่าย P2P นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ในการใช้ VPN:
- เข้ารหัสข้อมูลของคุณเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ VPN นั้นจะใช้การเข้ารหัสเพื่อทำการ scramble ทราฟฟิคของคุณเพื่อไม่ให้ใครมาดักจับไปใช้ประโยชน์ได้ VPN ที่ปลอดภัยที่สุดนั้นจะใช้การเข้ารหัส 256-bit AES (มาตรฐานเดียวกันกับที่รัฐบาล ธนาคาร และกองทัพใช้) ควบคู่ไปกับโปรโตคอล VPN ที่เชื่อถือได้และมีการตรวจสอบอยู่เป็นระยะ
- ซ่อนที่อยู่ IP เพื่อปกป้องความเปิดเผยตัวตนของคุณ เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่อยู่ IP ของคุณจะถูกซ่อนอยู่หลัง IP อื่น — ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคุณเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน นี่จะช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป้าหมายไปยังเครือข่ายที่บ้านของคุณ และยังช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงกว่าปกติตามสถานที่ของคุณอีกด้วย หากความเป็นส่วนตัวในการใช้งานออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณ เราขอแนะนำให้คุณใช้ VPN ที่เน้นความเป็นส่วนตัวพร้อมกับเบราว์เซอร์ Tor
- เข้าถึงเนื้อหาได้ทั่วโลก การปกปิดที่อยู่ IP ของคุณนั้นมีข้อดีอีกอย่าง: คุณจะสามารถเลือกตำแหน่งที่ตั้งของ IP ใหม่ที่นำมาปกปิดมันได้ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกภูมิภาคไม่ให้เข้าถึงในพื้นที่ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น VPN ที่มีคุณภาพสำหรับใช้ดู Netflix นั้นจะทำให้คุณสามารถดูซีรี่ส์และภาพยนตร์ได้ทั้งหมดในทุกภูมิภาคทั่วโลก แทนที่จะดูได้เฉพาะแต่ของในประเทศของคุณ VPN นั้นยังสามารถใช้เพื่อเข้าถึงการแข่งกีฬาสดได้ด้วย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
- โหลด torrent อย่างไม่มีความเสี่ยง การ torrent หรือการแชร์ไฟล์แบบ P2P นั้นจะทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแชร์ไฟล์ถึงกันได้โดยตรง น่าเศร้าที่ใครหลายคนต่างก็นำเรื่องนี้ไปใช้ทำสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดจรรยาบรรณ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัย VPN จะช่วยปกป้องคุณในขณะทำการ torrent เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ต้องเจอเรื่องเสี่ยงภัยโดยไม่จำเป็น
- เล่นเกมออนไลน์อย่างปลอดภัย เกมเมอร์บางคนนั้นพร้อมจัดเต็มเพื่อให้ชนะ — ซึ่งก็รวมถึงการโจมตีแบบ DDoS ใส่เครือข่ายบ้านของคุณเพื่อให้คุณขาดการเชื่อมต่อ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เชื่อมต่อกับ VPN การโจมตีแบบ DDoS ใด ๆ ก็ตามนั้นจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN แทน VPN ที่ดีที่สุดนั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์ที่มีค่า latency ต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เล่นเกมที่มีการแข่งขันสูงอย่างเช่น Call of Duty: Warzone
- หลีกเลี่ยงการควบคุมความเร็วของ ISP บางครั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณอาจจะควบคุมความเร็วการเชื่อมต่อของคุณเพื่อควบคุมแบนด์วิดท์ — โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทำกิจกรรมที่ใช้ข้อมูลเยอะ อย่างเช่นสตรีมมิ่งและ torrent เนื่องจาก VPN ทำให้กิจกรรมของคุณมีความเป็นส่วนตัว ดังนั้น ISP ของคุณก็จะไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไร และก็ไม่สามารถควบคุมความเร็วของคุณได้
โปรดทราบ: มีบริการ VPN มากกว่า 300 บริการให้เลือกในท้องตลาด หลายบริการสามารถทำสิ่งที่พูดไปในก่อนหน้านี้ได้ แต่หลายบริการก็ไม่สามารถให้บริการได้ใกล้เคียงสิ่งเหล่านั้นเลย และมีแค่บริการ VPN ที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ว่ามะ
ทดลองใช้งาน VPN อันดับ #1 ที่เราแนะนำได้เลยวันนี้
วิธีการเลือกและใช้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
เราสามารถทำการรีวิวและแสดงการทดสอบของบริการทั้งหมดแก่คุณได้ แต่คุณคือผู้ที่ต้องเลือก VPN และในขณะที่บางบริการก็ดีกว่าอีกบริการมาก แต่ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนตัว
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยคุณเลือกบริการที่จะให้สิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง:
- กำหนดความต้องการของคุณ คุณมีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลและกิจกรรมของคุณให้ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวหรือเปล่า หรือคุณกำลังมองหา VPN ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งที่ถูกมีการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ได้ VPN บางบริการเน้นเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ในขณะที่บางบริการก็เข้าถึงความบันเทิงได้มากกว่า แต่ VPN ที่เราแนะนำสามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองอย่างได้
- ระบุวัตถุประสงค์ของคุณ คุณจะใช้ VPN ทำอะไร และจะใช้บ่อยขนาดไหน? คุณต้องการติดเครื่องส่วนตัวไว้ใช้งานไม่กี่เครื่อง หรือคุณต้องการที่จะเชื่อมต่อได้ทั้งครอบครัว? คุณต้องการเอาไว้ใช้งานสำหรับบางเว็บไซต์ในขณะเดินทาง? หรือคุณต้องการใช้งานเพื่อเสริมความปลอดภัยให้อุปกรณ์ของคุณตลอดเวลา? หลังจากที่คุณตัดสินใจได้แล้วว่าคุณต้องการอะไรจาก VPN และจะใช้งานมันอย่างไร คุณก็จะสามารถให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์นั้น ๆ ได้โดยตรง
- ตั้งงบประมาณ คุณต้องการประหยัดเงินให้มากที่สุดหรือเต็มใจจ่ายค่าบริการเพิ่มอีกนิดหรือเปล่า คุณยินดีเลือกแผนระยะยาวเพื่อประหยัดเงินเพิ่มเติมหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องตัดสินใจว่าคุณยินดีจ่ายเท่าไรเพื่อที่คุณจะได้ค้นหา VPN ที่นำเสนอบริการในราคาที่ต้องการได้ โปรดจำไว้ว่าตัวเลือกที่แพงกว่านั้นไม่ได้แปลว่าคุณภาพที่ดีกว่าเสมอไป และ VPN ชั้นนำมักจะมาพร้อมข้อเสนอดีๆเสมอ
วิธีการค้นคว้าข้อมูล:วิธีการจัดอันดับ & เปรียบเทียบ VPNเหล่านี้
ด้วย VPN หลายร้อยตัวเลือกที่อ้างว่าสามารถใช้บริการได้ดีที่สุดคุณจะเลือกบริการที่เหมาะสมได้อย่างไร การรีวิวทุก VPN นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ … เว้นแต่ว่าคุณมีทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่พร้อมสำหรับการทดสอบ นั่นคือสิ่งที่เราทำเพื่อสร้างการจัดอันดับข้างต้นและบทวิจารณ์ รวมถึงรายการอื่น ๆ ทั้งหมดของเรา
เราวิเคราะห์ VPN แต่ละบริการโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ โดยเน้นประเด็นสำคัญบางประการ เป้าหมายของเราคือการพิจารณาว่าแต่ละบริการมีความเป็นเลิศด้านใดและบริการใดให้ความคุ้มค่าโดยรวมที่ดีที่สุด เราทำการทดสอบความเร็วโดยละเอียด พยายามหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์และการเซ็นเซอร์และทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกฟีเจอร์ที่นำเสนอและการรับประกันต่าง ๆ เรายังทำการทดสอบซ้ำเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์เป็นปัจจุบันเสมอ
นี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญในการค้นคว้า
ความเป็นส่วนตัว & ความปลอดภัย
สองด้านที่สำคัญของ VPN ที่ดีที่สุดคือ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ผู้ให้บริการแทบทุกรายโฆษณาเอาไว้เสียเยอะ แต่มีแค่ไม่กี่บริการเท่านั้นที่ทำได้อย่างที่โฆษณาจริง ๆ
โปรดทราบว่าในขณะที่บางเว็บไซต์ (และแม้แต่ VPN) ยังสับสนกับคำสองคำนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน! ในขณะที่ความเป็นส่วนตัวเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ให้บริการที่เข้าถึงข้อมูลของคุณ แต่การรักษาความปลอดภัยนั้นเกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลนั้นด้วยการเข้ารหัสและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว คุณต้องเลือก VPN ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ซึ่งหมายความว่าบริการจะไม่บันทึก จัดเก็บหรือแบ่งปันข้อมูลใด ๆ ของคุณ เมื่อคุณใช้ VPN ข้อมูลส่วนบุคคลและกิจกรรมของคุณจะถูกซ่อนจากทุกคน ยกเว้น VPN เอง นี่คือเหตุผลที่เราแนะนำเฉพาะ VPN ที่สัญญาว่าจะเก็บข้อมูลนั้นเป็นส่วนตัว มิฉะนั้นข้อมูลของคุณอาจรั่วไหล ถูกขายหรือแม้แต่ส่งต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าบริการไม่ได้บันทึกมันไว้ตั้งแต่แรก เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
เพื่อความปลอดภัย คุณจะต้องใช้ VPN ที่ใช้การเข้ารหัสที่รัดกุม มาตรฐานอุตสาหกรรมคือการเข้ารหัส AES 256-bit ซึ่งแทบไม่สามารถถูกเจาะผ่านได้ VPN ชั้นนำทั้งหมดใช้การเข้ารหัสระดับนี้ แต่บาง VPN ก็เสนอทางเลือกอื่นด้วย ตัวอย่างเช่น PIA ให้ตัวเลือกในการเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส AES 128-bit ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าเล็กน้อย แต่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อได้
VPN อื่น ๆ ใช้โปรโตคอล WireGuard ซึ่งรวมมาตรฐานการเข้ารหัสที่หลากหลายเอาไว้ด้วยกันทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่เรามองหาเมื่อรีวิว VPN คือตรวจสอบว่าบริการใช้การเข้ารหัสประเภทใด
นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและมาตรฐานการเข้ารหัสไม่ใช่สิ่งเดียวที่กำหนดระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ VPN ผู้ให้บริการหลายรายยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด
ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ multi-hop (นำทางข้อมูลของคุณผ่านมากกว่าหนึ่งเซิร์ฟเวอร์) เซิร์ฟเวอร์ RAM (ลบข้อมูลของคุณทุกครั้งที่รีบูต) และKill switch (ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN ยุติลง)
ความเป็นส่วนตัวยังขึ้นอยู่กับว่า VPN มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใดอีกด้วย หากบริการตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัวนอกเขตอำนาจของพันธมิตร 5, 9, 14 Eyes นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามต่อให้ VPN อยู่ภายในเขตอำนาจศาลนี้และมีมาตรการความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดก็ถือว่าดีมากพอ เช่น PIA เป็นตัวอย่างที่ดี
แน่นอนว่ายังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย มีมากเกินไปที่จะกล่าวถึงในนี้ด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เราประเมิน VPN เราจะมองหาข้อมูลและฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากเกณฑ์ข้างต้น เรานำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่า VPN ใดทำงานได้ดีที่สุดในด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของคุณ
ความเร็ว
เมื่อพูดถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ ความเร็วในการเชื่อมต่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ควรพิจารณา ก่อนอื่นคุณควรทราบว่า VPN ทุกบริการจะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงในระดับหนึ่ง นี่เป็นปกติของกระบวนการที่ใช้เวลาในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณ และกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่อื่นในโลก
เมื่อเราพูดว่า VPN มี "ความเร็วในการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว” เราหมายความว่ามันลดความเร็วน้อยที่สุด บริการ VPN ที่เร็วที่สุดส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อคุณภาพการเชื่อมต่อของคุณ บริการจะช่วยให้คุณใช้งาน ดาวน์โหลดและสตรีมได้โดยไม่กระตุกหรือสะดุด ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของการเชื่อมต่อที่ช้า
โปรดทราบ: มีบางครั้งเหมือนกันที่ VPN สามารถเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณได้ หาก ISP ของคุณจงใจควบคุมปริมาณตามกิจกรรมของคุณ VPN สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ ดูหัวข้อทำไมคุณถึงต้องการ VPN ที่ด้านบนสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แล้วเราจะทดสอบความเร็วการเชื่อมต่อได้อย่างไร นี่เป็นขั้นตอนที่ง่ายมาก แต่ต้องใช้การทำงานที่มากพอสมควร เราทำการทดสอบความเร็วอย่างเข้มงวดในแต่ละบริการ โดยใช้เครื่องมือ Ookla Speedtest ทีมนักวิจัยระดับโลกของเราเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกและสร้างสถานการณ์ เช่น การแบนด์วิดท์จำกัดและความท้าทายอื่น ๆ ในการทดสอบ VPN แต่ละรายการ
การสตรีม
เราได้อธิบายไปแล้วว่าการใช้ VPN สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมดในทั่วโลกโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของคุณได้อย่างไร แต่มีหลายปัจจัยในหัวข้อนี้
อย่างแรก VPN ต้องมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ทั่วโลก หากบริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์ในบางประเทศ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากประเทศนั้นได้ การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศจะช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาในประเทศนั้นได้ ดังนั้นเราจึงใส่ใจกับจำนวนและการกระจายตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ของ VPN แต่ละรายการ
อย่างที่สอง VPN ต้องมีเทคนิคและเทคโนโลยีที่ช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้นของเว็บสตรีมมิ่ง บริการสตรีมมิ่งหลายแห่งพยายามระบุการรับส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ VPN และปิดกั้นการรับส่งข้อมูลเหล่านั้น หากคุณเคยเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด "ดูเหมือนว่าคุณกำลังใช้เครื่องมือปลดบล็อกหรือพร็อกซี่" แสดงว่าคุณประสบปัญหาการเข้าถึงเนื้อหา เราประเมินความสามารถของ VPN แต่ละรายการในการหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ เพื่อไม่ให้คุณถูกปิดกั้นการเข้าถึงจากเว็บสตรีมมิ่ง
VPN บางบริการเหมาะสำหรับการสตรีม บางบริการเหมาะสำหรับบางแพลตฟอร์ม แต่ใช้งานไม่ได้สำหรับบางแพลตฟอร์ม และบางบริการแทบจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งใดได้เลย ถ้าคุณต้องการ VPN ที่สามารถเข้าถึงเฉพาะแพลตฟอร์มได้ ให้ดูบทความ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Netflix, Hulu, BBC iPlayer, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมาย
โปรดทราบ: ประสบการณ์การสตรีมโดยรวมของคุณจะขึ้นอยู่กับความเร็ว (การเชื่อมต่อช้า = การสะดุด) แต่เราพยายามประเมินปัจจัยเหล่านี้แยกกัน: a) VPN ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งได้หรือไม่และ b) ความเร็วของ VPN จะเร็วเพียงพอสำหรับการสตรีมคุณภาพสูงหรือไม่
การทอร์เรนต์
VPN มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการทอร์เรนต์ โดยเฉพาะในประเทศที่ห้ามการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P แต่แม้ว่ามันจะไม่ผิดกฎหมาย (และเราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณทำตามกฎหมาย) การทอร์เรนต์โดยไม่มีการป้องกันเพิ่มเติมอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีด้านลิขสิทธิ์และการเปิดเผยตัวเองแฮ็กเกอร์
การเชื่อมต่อ P2P ในตัวของมันเองนั้นไม่มีความปลอดภัย แต่คุณสามารถเพิ่มความปลอดภัยเข้าไปได้ด้วยการใช้ VPN ซึ่งจะทำการปิดบังที่อยู่ IP จริงพร้อมทำการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ ในการวิจัยเกี่ยวกับ VPN ของเรา พวกเราได้ทำการประเมินฟีเจอร์อย่างเช่นโปรไฟล์สำหรับ P2P โดยเฉพาะ, พร็อกซี่ SOCKS5 และสามารถติดตั้งใช้งานได้ง่ายกับ torrent client นี่สามารถช่วยให้เราระบุ บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้โหลด torrent ได้ — รวมถึงบริการที่ไม่ค่อยดีด้วย
ความง่ายในการใช้งาน
VPN อาจดูเหมือนเครื่องมือที่ซับซ้อนมาก จริง ๆ แล้วมันก็คือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนนั่นแหละ แต่ VPN ที่ดีที่สุดควรได้รับการออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะมีความรู้ด้านเทคนิคขั้นสูงหรือไม่ก็ตาม
เมื่อเราทดสอบ VPN เราจะสังเกตว่ามันใช้งานง่ายเพียงใด ตั้งแต่การตั้งค่าไปจนถึงการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงการปรับการตั้งค่า นอกจากนี้เรายังประเมินอินเทอร์เฟซและดีไซน์แต่ละแอป (ยิ่งใช้งานง่ายยิ่งดี) ซึ่งช่วยให้เราระบุได้ว่า VPN ใดดีที่สุดสำหรับผู้ใช้เริ่มต้น
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น VPN ควรใช้งานได้ง่ายสำหรับ Windows และ iOS เราให้คะแนนพิเศษแก่ VPN ที่นำเสนอตัวเลือกการตั้งค่าบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN (เช่น MediaStreamer ของ ExpressVPN)
แล้วผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคล่ะ หากคุณให้ความสำคัญกับตัวเลือกการปรับแต่งหรือการตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูงมากกว่าความเรียบง่าย ความง่ายในการใช้งานอาจไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญสำหรับคุณ อย่างไรก็ตาม VPN ที่ใช้งานได้ง่ายนั้นไม่จำเป็นจะต้องทำได้แค่สิ่งพื้นฐาน (เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ ค้นหาตำแหน่งเฉพาะ ฯลฯ) แต่ยังต้องทำให้การใช้ฟีเจอร์และการตั้งค่าที่ซับซ้อนง่ายขึ้นด้วย และนี่คือบริการที่ได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดนี้
การช่วยเหลือลูกค้า
การช่วยเหลือลูกค้ามีความสำคัญอย่างมาก แต่มันมักถูกมองข้าม มันคงจะดีหากคุณไม่มีคำถามหรือปัญหาใด ๆ เลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเป็นเช่นนั้น VPN ของคุณควรมีการช่วยเหลือลูกค้าที่ดี
สิ่งแรกที่เราพิจารณาคือช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง VPN ที่มีฟีเจอร์ไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน นี่เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ ตัวเลือกอื่น ๆ เช่น การติดต่อทางอีเมล (บางครั้งเรียกว่าระบบตั๋ว) และการช่วยเหลือทางโทรศัพท์โดยปกติแล้วจะมีให้บริการเฉพาะในบางช่วงเวลาเท่านั้น
นอกจากนี้เรายังทดสอบช่องทางการสนับสนุนเหล่านี้เพื่อดูว่ามีประโยชน์เพียงใด โดยเริ่มจากบริการไลฟ์แชทสด ส่งคำถามทางอีเมลหรือโทรศัพท์ จากนั้นประเมินคุณภาพและความรวดเร็วของการสนับสนุนที่เราได้รับ VPN ที่เราชอบจะให้การช่วยเหลือที่รวดเร็วและเป็นประโยชน์ เราต้องการเห็นบริการที่ให้เราพูดคุยกับตัวแทนที่มีความรู้และได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
การเซ็นเซอร์
อย่างแรก คุณต้องแยกระหว่างการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ (ข้อจำกัดของบางเว็บไซต์และแพลตฟอร์ม) และการเซ็นเซอร์ (ข้อจำกัดที่กว้างขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อควบคุมกิจกรรมของพลเมืองของตน) ในบางประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดก็ห้ามใช้ VPN ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพออนไลน์ แต่ VPN บางบริการมีเทคโนโลยีขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงระบบเหล่านี้โดยเฉพาะ
เมื่อต้องรับมือกับการเซ็นเซอร์ เราจึงมองหาการตั้งค่าและฟีเจอร์ที่ทำให้การรับส่งข้อมูลของคุณไม่สามารถถูกอ่านได้ จุดประสงค์ของการทำให้ข้อมูลไม่สามารถอ่านได้คือการซ่อนการใช้ VPN จากบุคคลที่สาม รวมถึง ISP และรัฐบาลของคุณ นี่คือสิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างเป็นอิสระในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด เช่น จีน อิหร่าน หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
หมายเหตุ: เราไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายใด ๆ และเราแนะนำให้คุณตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นของคุณเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ ในบางประเทศ การใช้ VPN นั้นถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณและตรวจสอบให้ดีก่อนใช้งาน
ราคา
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มาคุยกันเรื่องตัวเลขกันก่อน! อย่างที่เห็นว่า VPN ส่วนใหญ่ที่เราแนะนำนั้นเป็นแบบบริการพรีเมียม หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าบริการ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะ VPN ระดับพรีเมียมนั้นเร็วกว่า ปลอดภัยกว่าและน่าเชื่อถือมากกว่าฟรีเกือบทุกบริการ
แต่เราเข้าใจดีว่าการจ่ายค่าบริการ VPN นั้นเป็นเหมือนภาระผูกพันทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ เรามองหาผู้ให้บริการที่นำเสนอราคาและคุณภาพที่ดีที่สุดเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากเงินของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้า VPN ค่อนข้างแพง มันคุ้มกับราคาจริงหรือเปล่า และราคาถูกกว่าจะให้ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่คุณต้องการจริง ๆ หรือไม่
นอกจากคำถามเหล่านี้แล้ว เรายังดูข้อเสนอและส่วนลดของ VPN แต่ละรายการอีกด้วย ผู้ให้บริการระดับพรีเมียมส่วนใหญ่นำ เสนอส่วนลดและคูปองอย่างต่อเนื่อง
และสุดท้าย เราตรวจสอบนโยบายการรับประกันคืนเงินของ VPN แต่ละรายการเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับเงินคืนหากคุณไม่พอใจหลังจากสมัครบริการไปแล้ว VPN ชั้นนำส่วนใหญ่มีการรับประกัน 30 วัน แต่อาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการและแผน
หากคุณไม่อยากจ่ายค่าบริการ VPN คุณก็สามารถดูรายชื่อ VPN ฟรีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับฟีเจอร์ที่สำคัญและไม่ทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ VPN
VPN ที่ดีที่สุดคือบริการอะไร
การทดสอบอย่างละเอียดของเราแสดงให้เห็นว่า ExpressVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานทั่วไป สตรีมมิง ทอร์เรนต์และอื่น ๆ บริการเสนอความเร็วการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุด มาตรการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เชื่อถือได้มากที่สุด และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมก็ดีที่สุดเหนือ VPN อื่น ๆ
VPN ที่เร็วที่สุดคือบริการอะไร
ExpressVPN เป็นบริการอันดับหนึ่งในการทดสอบความเร็วของเรา บริการมีความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดที่เร็วที่สุด และไม่มีการแลคและมีค่า Ping ต่ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้เพื่อสตรีมคุณภาพสูงโดยไม่มีการสะดุดและเพื่อดาวน์โหลดทอร์เรนต์ด้วยความเร็วสูง และเล่นเกมออนไลน์ได้โดยไม่สะดุด
VPN ผิดกฎหมายหรือไม่
ในประเทศส่วนใหญ่ การใช้ VPN นั้นถูกกฎหมาย VPN เองเป็นเครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ช่วยส่งเสริมความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต หน้าที่หลักของบริการ (การเข้ารหัสข้อมูล การข้ามข้อจำกัดและเพิ่มความเป็นส่วนตัว) เป็นที่ยอมรับได้ 100% ภายใต้ระบบกฎหมายส่วนใหญ่
มีบางประเทศเท่านั้นที่ห้ามใช้ VPN หรือยังมีกฎการใช้งานที่ไม่แน่นอน เช่น จีน อิรัก อิหร่าน รัสเซีย เบลารุส ตุรกี โอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากคุณอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์การใช้งานอินเทอร์เน็ต คุณควรตรวจสอบเพื่อดูว่ากฎหมายท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับ VPN นั้นเป็นอย่างไร
ในบางครั้งผู้ใช้ VPN ก็ใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราไม่สนับสนุนสิ่งนี้ จำไว้ว่า: สิ่งใดก็ตามที่ขัดต่อกฎหมายแม้จะไม่มี VPN ก็ยังขัดต่อกฎหมายแม้มี VPN และสิ่งนี้ควรหลีกเลี่ยงเสมอ
VPN ปลอดภัยหรือไม่
VPN นั้นปลอดภัยและ VPN เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณทำทางออนไลน์ไม่ได้ละเมิดกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่นใด ๆ
คุณอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง หาก:
- คุณอยู่ในประเทศที่รัฐบาลอนุญาตให้ใช้เฉพาะ VPN บางบริการ และคุณใช้ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
- คุณทอร์เรนต์เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ด้วย VPN ที่เก็บบันทึกข้อมูลและใช้งานบริการที่ไม่มี Kill switch
VPN ฟรีบางบริการอาจไม่ปลอดภัยเนื่องจากพวกเขาอาจขายข้อมูลของคุณให้กับบุคคลที่สามหรือทำให้คุณเสี่ยงต่อมัลแวร์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเลือก VPN ที่มีคุณภาพที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ
VPN ใช้งานยากหรือไม่
VPN ที่ดีที่สุดนั้นต้องใช้งานง่ายมาก ๆ ในกรณีส่วนใหญ่ คุณเพียงแค่ต้องดาวน์โหลดแอปที่ถูกต้องสำหรับอุปกรณ์ของคุณ ทำการติดตั้ง เปิดใช้งาน และก็คลิก "เชื่อมต่อ" บริการ VPN ทั้งหมดที่เราแนะนำข้างบนนั้นมีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ถึงแม้คุณจะเป็นมือใหม่ คุณก็ยังสามารถใช้งานมันได้อย่างง่ายดาย
หลายบริการมีปุ่มเชื่อมต่อด่วนที่ให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงได้ทันที หากคุณต้องการเข้าถึงเนื้อหาจากภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกประเทศที่ต้องการจากรายการที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดาย
คำแนะนำ: หากคุณยังไม่มีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อนและต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มันสามารถทำได้ให้เข้าไปดูคำแนะนำ VPN สำหรับมือใหม่ของเรา บทความนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระสำคัญเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ VPN การใช้งานและประโยชน์
VPN ลดความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณหรือไม่
ที่จริงแล้ว VPN ทั้งหมดทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงในระดับหนึ่ง นี่เป็นเพราะมันต้องเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณ และกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งอื่น ๆ ในโลก กระบวนการทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่การเชื่อมต่อ VPN จะช้ากว่าการเชื่อมต่อปกติ
อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการที่ดีที่สุดจะลดการสูญเสียความเร็วนี้ให้เหลือน้อยที่สุด ด้วย VPN ที่เร็วที่สุด คุณอาจไม่สังเกตเห็นความแตกต่างจากการเชื่อมต่อปกติของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่เจอกับการสะดุด แลคหรือต้องรอการโหลดนานในขณะที่เชื่อมต่อกับ VPN
VPN สามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้หรือไม่
ในทางเทคนิคแล้วมันเป็นไปได้ที่ VPN จะติดตามคุณ แต่ VPN ที่ดีที่สุดจะไม่ติดตามคุณเมื่อคุณใช้ VPN คุณกำลังปกป้องข้อมูลการใช้งานและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากบุคคลที่สาม เช่น ISP แฮกเกอร์ ผู้โฆษณาและรัฐบาล แต่ตัว VPN เองยังคงสามารถเข้าถึงทุกอย่างได้ นี่คือเหตุผลที่ VPN มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่สัญญาว่าจะไม่บันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลของคุณ
VPN บางบริการยังใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น เซิร์ฟเวอร์ RAM เพื่อลดโอกาสที่ข้อมูลของคุณจะตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกลบข้อมูลทุกครั้งที่รีบูต ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดของคุณจะถูกลบโดยอัตโนมัติ
VPN มีราคาเท่าไหร่
ราคาค่าบริการจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ แต่ VPN ทั้งหมดที่แนะนำที่นี่มีราคาไม่แพงมาก บางบริการมีค่าใช้จ่ายเท่ากับเลย์ 2 ห่อต่อเดือน! โดยทั่วไปแล้วการสมัครสมาชิกระยะยาวมักจะถูกกว่าแผนระยะสั้น ยิ่งมีตัวเลือกบริการนานเท่าใด ราคารายเดือนของคุณก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น
VPN ที่ดีที่สุดยังมีการรับประกันคืนเงิน ซึ่งหมายความว่าหากคุณเปลี่ยนใจหลังจากสมัครรับข้อมูล คุณสามารถขอเงินคืนได้เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง (โดยปกติคือ 30 วัน) ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับค่าบริการ แต่มันช่วยเพิ่มความอุ่นใจแก่คุณได้ในกรณีที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับค่าบริการ
หากคุณพร้อมที่จะทำการซื้อแล้ว ไปที่หน้าคูปองของเราเพื่อรับส่วนลดพิเศษสำหรับ VPN ชั้นนำได้เลย
มี VPN ฟรีบ้างไหม
มี VPN ฟรีให้บริการอยู่เหมือนกัน แต่ทางที่ดีคุณควรอยู่ห่าง ๆ บริการพวกนี้ไว้จะดีกว่า แน่นอนว่าการได้อะไรมาเปล่า ๆ ฟังดูน่าดึงดูดใจ แต่แม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายตอนนี้ คุณก็อาจจะได้จ่ายทีหลังอย่างแน่นอน อาจจะในรูปแบบของการเชื่อมต่อที่ช้าสุด ๆ การติดมัลแวร์หรือแม้แต่การขโมยข้อมูลประจำตัว
แน่นอนว่าไม่ใช่ VPN ฟรีทั้งหมดที่เป็นการหลอกลวง เรายังทำการได้ค้นคว้าบริการต่าง ๆ มากมายเพื่อค้นหา VPN ฟรีที่ใช้งานได้จริง บริการทั้งหมดมีข้อจำกัด เช่น การจำกัดข้อมูลหรือการจำกัดการเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่าง แต่ก็ปลอดภัยมากพอหากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ
ฉันสามารถใช้ Tor หรือ Proxy แทน VPN ได้หรือไม่
Tor พร็อกซี่และ VPN เป็นซอฟต์แวร์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่บางครั้งก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ มาดูอย่างละเอียดกันดีกว่า
Tor (ย่อมาจาก The Onion Router) ใช้เครือข่ายอาสานำทางการเชื่อมต่อของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ หรือ "โหนด" แม้ว่ากระบวนการนี้จะทำให้คุณ (และข้อมูลของคุณ) ติดตามได้ยากขึ้น แต่ก็ทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงอย่างมาก Tor เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นโปรดดูคำแนะนำของเราเกี่ยวกับ Tor หากคุณต้องการข้อมูลและเคล็ดลับเพิ่มเติม
เมื่อเทียบกับ VPN แล้ว Tor มีข้อเสียเปรียบ แม้ว่าจะใช้งานได้ฟรี แต่ก็มีการเข้ารหัสที่อ่อนแอกว่าและการเชื่อมต่อที่ช้ากว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือการใช้ Tor และ VPN ร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด VPN ที่ดีสามารถแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Tor ได้ ในขณะที่ Tor จะเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตนเพิ่มเติม
ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดที่เข้ากันได้กับ Tor เพื่อให้ใช้งานได้คุณต้องใช้ VPN อย่าง ExpressVPN
บริการพร็อกซี่มีข้อได้เปรียบเหนือ VPN อย่างหนึ่ง นั่นก็คือมันมีความเร็วที่เร็วกว่า (ในขณะที่ซ่อนหมายเลข IP ของคุณเอาไว้ด้วย) อย่างไรก็ตามพร็อกซี่ไม่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่นการรหัสข้อมูลและไม่มีแม้แต่อินเทอร์เฟซผู้ใช้ ซึ่งหมายความว่าพร็อกซี่ไม่ปลอดภัยหรือใช้งานได้ง่ายนัก อย่างไรก็ตาม มันเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณต้องการเฉพาะความเร็วและไม่สนใจด้านความปลอดภัยเท่าไหร่
มีบริการพร็อกซี่หลายร้อยรายการให้เลือกใช้ ดังนั้นการเลือกพร็อกซีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใช้ VPN ที่รวดเร็วและราคาไม่แพงและรับประโยชน์จากการปกป้อง ความเป็นส่วนตัวและความเร็วที่ยอดเยี่ยมนั้นดีกว่ากันมาก
ฉันควรใช้ VPN บนมือถือหรือไม่
จริง ๆ แล้วคุณควรใช้ VPN กับอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ของคุณด้วย เพราะทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณจะเสี่ยงที่จะถูกแฮ็ก สอดส่องและติดตาม
VPN จำนวนมากนำเสนอแอปสำหรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย รวมถึงสมาร์ทโฟน ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมไหม เข้าไปดูบทความวิจัยของเราเกี่ยวกับ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Android และ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ได้เลย
ฉันสามารถใช้ VPN ทำธุรกรรมธนาคารออนไลน์ได้ไหม
แน่นอน แต่นี่อาจหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ในบริบทที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังเดินทางออกนอกประเทศและต้องการเข้าถึงบัญชีธนาคาร คุณสามารถใช้ VPN เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศของคุณได้ด้วยวิธีนี้การเข้าสู่ระบบของคุณจะไม่ถูกตั้งสถานะว่าอาจเป็นการฉ้อโกง (ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากธนาคารของคุณตรวจพบหมายเลข IP ในต่างประเทศ)
หรือคุณอาจอยู่ในประเทศบ้านเกิดของคุณและใช้ VPN สำหรับเข้าถึงเว็บไซต์ในต่างประเทศและต้องการเข้าถึงบัญชีธนาคารในพื้นที่ของคุณโดยไม่ต้องปิด VPN คุณจะต้องใช้ VPN ที่มีฟีเจอร์ Split tunneling วิธีนี้จะช่วยให้คุณใช้เครือข่ายท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงธนาคารได้ โดยไม่ต้องปิดใช้งาน VPN ที่กำลังรับส่งข้อมูลอื่น ๆ