10 VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2023

เวลาที่คุณค้นหาเกี่ยวกับ VPN ฟรี ที่ดีที่สุดนั้น คุณจะเจอตัวเลือกมากมาย แต่การจะหาตัวที่ฟรี ปลอดภัย และเสถียรจริง ๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก เราเห็นเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับ VPN ฟรี ที่ไม่น่าเชื่อถือมามากมาย มันไม่ได้ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานตามที่กล่าวอ้างเลย บางครั้งพวกเขาเอาข้อมูลไปขายให้ผู้โฆษณาโดยตรงเลยด้วยซ้ำ

VPN ฟรี ที่มีความปลอดภัยนั้นจะก็จะจำกัดคุณในด้านอื่น ๆ เหมือนกัน และ VPN ฟรี ที่จำกัดด้านการใช้งานข้อมูลซึ่งมีความเร็วที่ต่ำนั่นก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เราและทีมงานได้ทำการทดสอบ VPN ฟรี มาแล้วกว่า 100+ ตัว และพวกเราก็ได้คัดสรรตัวที่ดีที่สุดที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยจริง ๆ ถึงแม้ว่า VPN ที่ฟรีจริง ๆ นั้นต่างก็จะมีข้อจำกัดของมัน แต่บางตัวนั้นก็จะเหมาะกับการใช้งานบางด้านได้ดีกว่าตัวอื่น ๆ ถ้าพูดถึงเรื่องของความอเนกประสงค์และความเสถียร เราแนะนำให้คุณเลือกใช้ VPN พรีเมียมที่มีราคาไม่แพงแทน

ที่เราอยากแนะนำอันดับแรกเลยก็คือ ExpressVPN ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ฟรี 100% แต่มันก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน เราใส่มันเข้ามาในรายการนี้ด้วยเพราะว่ามันไม่จำกัดการใช้งานของคุณเหมือนตัวเลือกฟรีอื่น ๆ คุณจะสามารถใช้งานได้ไม่จำกัดอย่างมีความเร็วสูง แถมมันยังใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมส่วนใหญ่ได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย นโยบายขอคืนเงินของมันนั้นก็เชื่อถือได้จริงและมีความตรงไปตรงมา; เราได้รับเงินคืนหลังจากที่ทำเรื่องขอเงินคืนภายในเวลา 3 วัน

ทดลองใช้งาน ExpressVPN อย่างไม่มีความเสี่ยง >>

VPN ฟรี ที่ดีที่สุด: วิเคราะห์เต็มรูปแบบ (อัปเดตล่าสุด 2023)

1. ExpressVPN: VPN ที่ดีที่สุดโดยรวม สามารถใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วสูง และมีการป้องกันความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา

ExpressVPN นั้นมีทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับกิจกรรมออนไลน์หลายรูปแบบ นอกจากมันจะปกป้องคุณด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับชั้นนำของโลกแล้ว มันก็ยังมีความเร็วสูงที่สุด เป็น VPN ที่เสถียรที่สุด ถึงแม้จะเทียบกับ VPN ที่ต้องจ่ายเงินตัวอื่น ๆ แล้วก็ตาม

ตัวเลือกที่ฟรี 100% นั้นจะจำกัดคุณในหลาย ๆ ด้าน แต่ ExpressVPN นั้นจะทำให้คุณใช้งานได้ไม่จำกัดข้อมูลอย่างมีความเร็วสูง นอกจากนั้น มันยังเป็น VPN ที่เร็วที่สุดที่เราทดสอบมาอีกด้วย

ความเร็วของเราที่ตกลงไปเล็กน้อยตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์โตรอนโตนั้นแทบจะไม่มีผลอะไรเลย

การเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูงนั้นทำให้ ExpressVPN เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมันจะช่วยให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมได้อย่างไม่ยุ่งยาก มันจะต่างจาก VPN ที่ฟรีอย่างเต็มรูปแบบ ตรงที่มันสามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มที่เราทำการทดสอบได้ภายในไม่กี่คลิก ทำให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาจากทั่วโลกได้ภายในไม่กี่วินาที

ExpressVPN นั้นมีเครือข่ายที่ใหญ่ถึง 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) ซึ่งรองรับการโหลด torrent อีกด้วย VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะไม่รองรับทราฟฟิค P2P หรือไม่คุณก็จะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ฟรีได้แค่ไม่กี่เซิร์ฟเวอร์ ทำให้เกิดการแออัดและดาวน์โหลดได้ช้าลง เรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลยตอนที่เราใช้ ExpressVPN กับไฟล์ torrent ขนาดใหญ่

VPN ฟรี จริง ๆ นั้นจะไม่มีฟีเจอร์ให้ใช้งานเยอะขนาดนี้; คุณจะต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะทดลองใช้ ExpressVPN ได้ แต่การรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ของมันนั้นก็เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เราตรวจสอบมาเองกับมือแล้วด้วยการใช้ฟีเจอร์ไลฟ์แชท 24/7 เพื่อยื่นเรื่องขอคืนเงิน ทางตัวแทนก็ถามเราว่าทำไมเราถึงอยากขอยกเลิกการสมัครใช้งาน หลังจากนั้นเราก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีภายในเวลา 3 วัน

ทดลองใช้ ExpressVPN อย่างไม่มีความเสี่ยง >>

2. CyberGhost: เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับใช้เข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่ถูกบล็อกในภูมิภาคได้มากมาย

ถึงแม้ว่า VPN นี้จะไม่ฟรี 100% แต่คุณก็สามารถทดลองใช้ CyberGhost ได้เป็นเวลาถึง 45 วัน ผ่านการรับประกันคืนเงิน ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของมันนั้นก็คือเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งเฉพาะสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม เพียงแค่พิมพ์ชื่อแพลตฟอร์มที่คุณต้องการลงไปในแถบค้นหา ตอนที่เราค้นหา "Netflix" เราก็เจอเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ Netflix ถึง 26+ เซิร์ฟเวอร์ สำหรับใช้เข้าถึง Netflix ได้ทั่วโลก

CyberGhost นั้นมีการบำรุงรักษาการเชื่อมต่อเหล่านี้อยู่เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ามันมีความเร็วสูงและมีความเสถียร

นอกจากนี้มันยังมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับโหลด torrent อยู่ในตำแหน่งที่หาได้ง่ายอีกด้วย นี่เป็นการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุดของ CyberGhost เพื่อจะช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ๆ มีการเชื่อมต่อที่ค่าเวลาแฝงต่ำสำหรับใช้เล่นเกมด้วย แต่จะมีเฉพาะสำหรับ Windows เท่านั้น

ถึงแม้จะใช้การเชื่อมต่อปกติ CyberGhost ก็ยังมีความเร็วที่ดีมาก เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงของมันนั้นมีความเร็วสูงที่สุดในการทดสอบของเรา: เราได้ความเร็วในสหราชอาณาจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 122.86Mbps ที่โตรอนโตนั้นมีความเร็ว 109.24Mbps ดังนั้นมันจึงช้ากว่า ExpressVPN เล็กน้อย แต่ก็ยังน่าประทับใจมาก

น่าเสียดายที่การรับประกันคืนเงินภายใน 45 วัน จะมีเฉพาะสำหรับแพลนระยะยาวเท่านั้น แพลนระยะสั้นนั้นจะมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าน้อยกว่า แต่จะมีระยะเวลารับประกันคืนเงินแค่ 14 วัน

เราได้ทำการทดสอบนโยบายขอคืนเงินมาแล้วเพื่อให้มั่นใจว่ามันมีความน่าเชื่อถือ เรายื่นเรื่องผ่านไปทางไลฟ์แชท 24/7 ทางตัวแทนก็ถามคำถามเราง่าย ๆ ก่อนที่จะตกลงคืนเงินให้เรา สรุปแล้วก็ติดต่อได้ง่ายและเร็ว จากนั้นเราก็ได้รับเงินคืนมาภายในเวลา 4 วัน

ทดลองใช้ CyberGhost อย่างไม่มีความเสี่ยง >>

3. Proton VPN: VPN ฟรี อย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีการจำกัดการใช้ข้อมูล คุณสามารถท่องเว็บได้อย่างปลอดภัยไร้จำกัด

ในขณะที่ VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัดด้านข้อมูล แต่ Proton VPN นั้นใช้งานได้ฟรี 100% โดยไม่มีการจำกัดข้อมูลรายเดือน นี่ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก ถ้าคุณต้องการใช้ข้อมูลเยอะสำหรับกิจกรรมอย่างการท่องเว็บ การสตรีมมิ่ง และการดาวน์โหลด

เราไม่เคยต้องเป็นห่วงเลยเรื่องที่ว่าเราจะถูกตัดการเชื่อมต่อระหว่างใช้งานบนโลกออนไลน์อยู่

การที่มันมีข้อมูลไม่จำกัดนั้น ทำให้ VPN ฟรี ตัวนี้เกือบจะเป็นตัวเลือกชั้นนำสำหรับการโหลด torrent อย่างปลอดภัย แต่น่าเสียดายที่เซิร์ฟเวอร์ฟรีนั้นไม่รองรับทราฟฟิค P2P คุณต้องอัปเกรดบัญชีของคุณถึงจะเข้าใช้งานบัญชีเหล่านี้ได้

แพลนฟรีนั้นจะมี 100+ เซิร์ฟเวอร์ อยู่ในสามประเทศ: สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ อย่างน้อยเซิร์ฟเวอร์ฟรีนั้นก็มีความเร็วสูงเพื่อช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีความเสถียรสำหรับการสตรีมมิ่งและการท่องเว็บ

ตอนที่เราทดสอบมัน Proton VPN ก็ทำให้เราสามารถเข้าถึง YouTube, Vimeo และ Dailymotion ได้ แต่เราก็รู้สึกผิดหวังที่แพลนระดับฟรีนั้นไม่สามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Netflix หรือ Hulu ได้ คุณสามารถทำการทดลองใช้งานเวอร์ชันพรีเมียมกับเว็บไซต์พวกนี้ได้ชั่วคราว ผ่านการทดลองใช้ฟรี 7 วัน

คุณไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลในการชำระเงินเพื่อที่จะใช้ Proton VPN แต่คุณจะต้องกรอกอีเมล นี่จะทำให้คุณสามารถเข้าทดลองใช้แพลนระดับพรีเมียมงานฟรีได้เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งก็เหมาะมากสำหรับใช้เข้าถึงเนื้อหาสตรีมมิ่งและการดาวน์โหลด torrent

ทดลองใช้ Proton VPN ฟรี >>

4. Avira Phantom VPN: การเชื่อมต่อพร้อมกันไม่จำกัดจำนวนเพื่อให้ครอบคลุมอุปกรณ์ทั้งครอบครัวฟรี

คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ด้วยการใช้ Avira Phantom VPN แต่เรารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษกับแอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ฟรีสำหรับ Android และ iOS ของมัน มันมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมายและสามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยม ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากสำหรับ VPN ฟรี

มันจะแตกต่างจากโปรแกรมเดสก์ท็อปของ Avira ซึ่งจะเปิดให้คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ผ่านฟีเจอร์ "Nearest Location (ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด)” เท่านั้น แอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ฟรีของ Avira นั้นมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกถึง 49+ แห่ง นี่รวมถึงเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่งด้วย ตอนที่เราทดสอบเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกา เราก็สามารถเข้าถึง Netflix US, Hulu และ Disney+ บน iPhone ของเราได้อย่างง่ายดาย

"Nearest Location (ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด)” ของมันจะทำการเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดและใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ

คุณจะมีข้อมูลไว้ให้ใช้งานได้แค่ 500MB ต่อเดือนสำหรับ VPN ฟรี ตัวนี้ (1GB ถ้าคุณสมัครใช้งานด้วยอีเมล) ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่หรือการดูสตรีมมิ่งแบบนาน ๆ อย่างไรก็ตาม มันมีให้ทดลองใช้เวอร์ชันพรีเมียมฟรีเป็นเวลา 7 วัน (เฉพาะสำหรับบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) ซึ่งจะมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด

ทดลองใช้ Avira Phantom VPN ฟรี >>

5. hide.me: ฟรีอย่างเต็มรูปแบบพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้เพื่อให้การใช้ VPN ของคุณมีความยืดหยุ่น

แพลนระดับฟรีของ hide.me มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสระดับทหาร, kill switch รวมถึงการป้องกันการรั่วไหล Stealth Guard นั้นจะทำให้คุณสามารถผูก VPN เข้ากับเครือข่ายของคุณได้ (หรือจะเลือกเฉพาะบางแอปก็ได้) สำหรับความปลอดภัยขั้นสูงสุด

VPN ฟรี นี้ยังมาพร้อมกับโปรโตคอลที่น่าประทับใจถึง 5 โปรโตคอล ซึ่งรวมถึง WireGuard, OpenVPN และ SoftEther WireGuard นั้นทำให้เราได้ความเร็วดีที่สุด: ความเร็วของเราตกลงไป 26% ตอนที่เชื่อมต่อไปยังนิวยอร์ก ซึ่งก็ถือว่าดีใช้ได้

เพื่อช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น hide.me นั้นจะมีคำอธิบายสำหรับแต่ละฟีเจอร์ของมัน

VPN นี้มีเซิร์ฟเวอร์ฟรีอยู่ 8 แห่ง ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา (ตะวันออกและตะวันตก) แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และสิงคโปร์ เราเข้าถึง Netflix ในแคนาดา เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนีได้ แต่ในสหรัฐอเมริกา เราสามารถสตรีมมิ่งดูได้แค่ Netflix Originals

คุณสามารถใช้ VPN ฟรี ของ hide.me ได้แค่ครั้งละ 1 อุปกรณ์เท่านั้น แต่คุณก็สามารถทำให้แล็ปท็อปของคุณกลายเป็นเราเตอร์ที่ถูกเข้ารหัสได้ คุณเพียงแค่ต้องตั้งค่า hide.me บนแล็ปท็อปของคุณ และก็เปิด WiFi hotspot และเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ามายังแล็ปท็อป

ทดลองใช้ hide.me ฟรี >>

6. Hotspot Shield: แพลนระดับฟรีซึ่งมีโปรโตคอล Hydra ที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีความเร็วสูง

แพลนระดับฟรีของ VPN Hotspot Shield นั้นจะมีความโดดเด่นเพราะ โปรโตคอล Hydra ที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งจะเน้นด้านความเร็ว ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับ โปรโตคอล VPN ที่พบเห็นทั่วไปรายอื่น ๆ อย่าง OpenVPN และ IKEv2 Hydra สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยการใช้ช่องแบบคู่ขนานหลายช่องสำหรับการส่งข้อมูล มันจะช่วยลดเวลาแฝงและทำให้ความเร็วของการเชื่อมต่อดียิ่งขึ้น เราพบว่า Hydra นั้นมีประสิทธิภาพดีมากจากการทดสอบครั้งล่าสุดของเรา

ยิ่งค่าปิงต่ำ การเชื่อมต่อก็จะตอบสนองไวยิ่งขึ้นเท่านั้น (สำหรับการเล่นเกม ค่าปิงต่ำนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ)

VPN ฟรี ของมันมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หาได้ยาก แพลนระดับฟรีนั้นจะรองรับทราฟฟิค P2P ด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากถ้าคุณกำลังหาวิธีปกป้องตัวเองระหว่างทำการโหลด torrent

เรายังรู้สึกว่าแอป VPN ฟรี นั้นค่อนข้างน่ารำคาญเวลาใช้งาน เพราะมันมีโฆษณาแฝงอยู่ด้วย เราเลยต้องเจอกับป๊อปอัพที่คอยขอให้เราอัปเกรดไปใช้งานแพลนจ่ายเงินอยู่ตลอดตอนที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ฟรี ถึงแม้ว่าเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งจะถูกแสดงบนหน้าโฮม แต่คุณก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อยู่ดี แต่เราก็ยังสามารถเข้าถึง Netflix UK, Disney+ และ BBC iPlayer ได้อยู่ตอนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ฟรี

คุณไม่ต้องใช้อีเมลเพื่อสมัครใช้งาน VPN ฟรี ตัวนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการจะทดลองใช้รูปแบบพรีเมียมฟรี 7 วัน คุณก็จะต้องใช้อีเมลพร้อมกับกรอกข้อมูลการชำระเงิน

ทดลองใช้ Hotspot Shield ฟรี >>

7. TunnelBear: VPN ฟรี ที่มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่สำหรับการใช้งานที่มีความเสถียร

VPN ฟรี ของ TunnelBear นั้นมีความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ตรงที่มันเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ได้ทั้งหมดใน 47 ประเทศ นี่เป็นข้อได้เปรียบที่มีประโยชน์มากเมื่อเทียบกับ PNVฟรี ตัวอื่น ๆ ซึ่งมักจะจำกัดตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่มีให้เลือกมากมายของมัน เราจึงสามารถเข้าถึง Netflix UK และแคนาดาได้ แต่มันใช้งานกับ Netflix US ไม่ได้

คุณยังสามารถเลือก "Fastest Server (เซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุด)” เพื่อทำการเชื่อมต่อไปยังการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดได้อีกด้วย

VPN ฟรี นี้จะเปิดให้ใช้งานข้อมูลรายเดือนได้ 2GB และก็เปิดให้ใช้งานพร้อมกันได้ถึง 5 อุปกรณ์ มันจึงมีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ VPN ฟรี กับหลายอุปกรณ์ไปพร้อม ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณจะอัปเกรดแพลนแล้ว แต่แอปพลิเคชันของ TunnelBear นั้นก็สามารถติดตั้งใช้งานได้เฉพาะบน Windows, macOS, iOS, และ Android เท่านั้น น่าเสียดายที่มันไม่สามารถรองรับเราเตอร์ได้

ทดลองใช้ TunnelBear ฟรี >>

8. Speedify: VPN ฟรี ที่มีความเร็วดีทั้งการเชื่อมต่อระยะใกล้และไกล

VPN ฟรี ของ Speedify นั้นจะมีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครชื่อว่า Bonding Mode (บอนดิ้งโหมด)เราใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อผสม WiFi บ้านกับข้อมูลอุปกรณ์เคลื่อนที่เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความเร็วและความเสถียร นี่จะแสดงให้เห็นผลอย่างชัดเจนหากคุณมีการเชื่อมต่อที่ช้าหรือไม่เสถียร และมันก็จะช่วยพัฒนาประสบการณ์ในการใช้งานโดยรวมให้ดีขึ้นได้

คุณสามารถเลือกการ bonding ได้สองรูปแบบระหว่าง "Speed (ความเร็ว)” และ "Redundant (ความเสถียร)” และก็มีตัวเลือก "enhance streaming (การยกระดับการสตรีมมิ่ง)” ให้ใช้งานด้วย

นี่เป็นอีก VPN ฟรี ตัวหนึ่งที่มีเซิร์ฟเวอร์ครอบคลุมดี เนื่องจาก คุณจะสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ได้จากถึง 25 ประเทศ เราไม่สามารถใช้มันปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสำคัญ ๆ ในการทดสอบของเราได้

คุณไม่จำเป็นต้องสมัครเพื่อที่จะใช้งานแพลนฟรีของ VPN ซึ่งจะมีข้อมูลให้คุณใช้ได้ 2 GB ต่อเดือน ถือว่าพอใช้ได้สำหรับการท่องเว็บแบบเบา ๆ แต่ก็ค่อนข้างจะจำกัดสำหรับการสตรีมมิ่งหรือการโหลด torrent คุณสามารถเข้าถึงการทดลองใช้งานฟรีได้ 7 วัน หลังจากที่คุณดาวน์โหลดแอปฟรีมาแล้ว ซึ่งในการทดลองนี้คุณจะสามารถใช้งานแบบที่ความเร็วและข้อมูลไม่ถูกจำกัด โปรดทราบว่าถ้าใช้แพลนระดับฟรี คุณจะใช้งานอุปกรณ์ได้แค่เครื่องเดียวเท่านั้น

ทดลองใช้ Speedify ฟรี >>

9. Kaspersky Secure Connection VPN: VPN ฟรี ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานเหมาะสำหรับมือใหม่

แพลนระดับฟรีของ Kaspersky VPN นั้นเป็น VPN แบบพื้นฐานที่ใช้งานง่าย เหมาะมากถ้าคุณเป็นมือใหม่ด้าน VPN หรือคุณเพียงแค่ต้องการการป้องกันเล็กน้อยสำหรับการท่องเว็บแบบทั่วไป อินเทอร์เฟซที่ตรงไปตรงมาของมันและการเลือกเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติทำให้คุณสามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก และคุณก็ไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคใด ๆ เลย

การตั้งค่าเดียวที่คุณสามารถเปลี่ยนได้สำหรับ VPN ฟรี นี้ก็คือโปรโตคอลและการป้องกัน WiFi

VPN ฟรี ตัวนี้เป็นของรัสเซียและนโยบายความเป็นส่วนตัวของมันก็ค่อนข้างน่าสงสัย คุณต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกันสำหรับในแต่ละพื้นที่ และแต่ละเวอร์ชันก็มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันด้วย ตอนที่เราดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ของยุโรปเราก็ต้องให้อนุญาตที่จะแบ่งปันข้อมูลของเรากับบุคคลที่สามด้วย ถ้าเรื่องความเป็นส่วนตัวนั้นสำคัญสำหรับคุณ คุณก็ควรจะเลือกใช้ VPN ฟรี ตัวอื่นดีกว่า

ทดลองใช้ Kaspersky Secure Connection ฟรี >>

10. Opera VPN: VPN ฟรีของเบราว์เซอร์ ซึ่งมีตัวบล็อกโฆษณาบิ้วท์อินมาด้วย

เบราว์เซอร์ฟรีของ Opera VPN นั้นเป็นแพ็กเกจแบบออลอินวันที่ใช้งานสะดวกสำหรับการท่องเว็บอย่างปลอดภัย ไม่ได้มีเฉพาะ VPN ฟรี ที่บิ้วท์อินมาในตัว แต่ยังมีฟีเจอร์ตัวบล็อกโฆษณาและตัวติดตามอีกด้วย นี่ทำให้คุณสามารถท่องเว็บอย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวได้ง่ายมาก ๆ โดยที่ไม่ต้องใช้งานหลายเครื่องมือหรือหลายส่วนขยายบนเบราว์เซอร์

ฟีเจอร์ของ VPN ฟรี ตัวนี้นั้นจะเป็นขั้นพื้นฐานมาก ๆ: มันเป็นเพียงสวิตช์ให้คุณเปิดปิดในการตั้งค่าของเบราว์เซอร์ คุณจะไม่สามารถเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่คุณจะเชื่อมต่อไปได้ และก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยใด ๆ ได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดแบบนี้ แต่เราก็ค่อนข้างประหลาดใจมากที่มันสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกล็อกในภูมิภาคของ Netflix เนเธอร์แลนด์ ได้ระหว่างการทดสอบของเรา

คุณยังสามารถทดลองใช้แพลนระดับ Pro ของ Opera VPN ได้ฟรีเป็นเวลา 7 วันอีกด้วยผ่านการตั้งค่า VPN ในเบราว์เซอร์

เนื่องจากมันเป็นเบราว์เซอร์ Opera จึงเข้ารหัสเฉพาะทราฟฟิคของเบราว์เซอร์ ในขณะที่แอปพลิเคชันและกิจกรรมทางออนไลน์อื่น ๆ ในเครื่องของคุณก็จะไม่ได้รับการปกป้อง ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์สำหรับการโหลด torrent แต่มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมมิ่งและการท่องเว็บ

ทดลองใช้ Opera ฟรี >>

ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว: VPN ฟรี ที่ดีที่สุด

ทดลองใช้ ExpressVPN อย่างไม่มีความเสี่ยง  >>

เคล็ดลับผู้เชี่ยวชาญ: สิ่งที่ผู้ให้บริการ VPN ฟรี อาจจะไม่ได้บอกคุณ

VPN ฟรี ทั้งหมดในรายการนี้ผ่านการทดสอบมาทั้งหมดแล้ว และเราก็ได้อ่านเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้แน่ใจว่ามันมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

อันตรายจากการใช้ VPN ฟรี:

• มันอาจจะเก็บข้อมูลของคุณไปขาย
• VPN ฟรี สามารถทำให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล
• VPN ฟรี บางตัวอาจจะมีไวรัสและมัลแวร์
• VPN ฟรี บางตัวนั้นมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

พูดกันโดยรวมแล้ว ถ้าจะให้สบายใจที่สุด คุณควรจะใช้ VPN พรีเมียมราคาไม่แพงที่น่าเชื่อถือ (ExpressVPN เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของพวกเรา) VPN พรีเมียม นั้นจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่า และก็มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอันเข้มงวดเพื่อช่วยรักษาข้อมูลส่วนตัวของคุณให้ปลอดภัย

VPN ฟรี ที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง

คุณควรจะต้องระวังตัวให้มากเวลาที่คุณเลือกใช้บริการฟรีเหล่านี้ เราเจอ VPN ฟรี ที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นอย่างมากซึ่งมีจุดบกพร่องด้านความปลอดภัยอย่างสูง มันจะต่างจากบริการฟรีอื่น ๆ ในรายการของเรา VPN ฟรี เหล่านี้นั้นเป็นของอันตรายที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง:

• Hola Free VPN
• Psiphon
• Touch VPN
• VPN Gate
• LinkVPN
• VPN ฟรี อื่น ๆ ที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง: Betternet VPN, SuperVPN, ThunderVPN, AnonyTun, CrossVPN, sFly Network Booster, OKVPN, EasyVPN, Hoxx VPN, Archie VPN, Hat VPN, Private Pipe VPN, Tuxler VPN, GO VPN, Hexatech, Faceless.me, FinchVPN, VPN One Click, Fast Secure Payment และ TurboVPN

VPN ฟรี vs จ่ายเงิน: แบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ?

นี่เป็นการสรุปอย่างเร็วเกี่ยวกับข้อแตกต่างสำคัญระหว่าง VPN ฟรี กับ VPN จ่ายเงิน เพื่อให้คุณสามารถทำการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้:

• ค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าข้อดีหลัก ๆ ของ VPN ที่ฟรีจริง ๆ ก็คือมันไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง VPN แบบต้องจ่ายเงินที่มีชื่อเสียงนั้นก็จะมีการรับประกันคืนเงินซึ่งคุณสามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ หากคุณไม่พอใจในบริการ แต่คุณต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะลองใช้บริการได้
• ข้อมูลที่ให้ใช้งาน เป็นธรรมดาที่ VPN ฟรี จะจำกัดข้อมูลที่คุณใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น Avira Phantom VPN เวอร์ชันฟรีนั้นจะจำกัดข้อมูลของคุณไว้เพียง 500MB ต่อเดือน หรือ 1GB ถ้าคุณสมัครใช้งานด้วยที่อยู่อีเมล เต็มที่ก็ใช้สตรีมมิ่งได้แค่ 8 ชั่วโมงเท่านั้น VPN แบบจ่ายเงินนั้นมักจะมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด ทำให้คุณสามารถโหลด torrent และดูสตรีมมิ่งได้มากเท่าที่คุณต้องการ
• เซิร์ฟเวอร์และความสามารถในการปลดบล็อก VPN ส่วนใหญ่นั้นจะจำกัดเซิร์ฟเวอร์ที่คุณสามารถใช้งานฟรีได้ นี่หมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเนื้อหาในพื้นที่ของเซิร์ฟเวอร์ที่มีเท่านั้น นี่ยังสามารถทำให้เกิดการแออัดของผู้ใช้งาน ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อเหล่านี้ถูกเว็บไซต์และแอปตรวจจับได้ง่ายและก็จะถูกบล็อกได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ExpressVPN นั้นจะตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ถึง 105 ในขณะที่ Avira Phantom นั้นมี 49 ตำแหน่ง ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นตำแหน่งที่มากกว่า VPN ฟรี รายอื่น ๆ ที่เราได้ทำการทดสอบมา แต่คุณก็จะสามารถเข้าถึงมันได้เฉพาะผ่านทางอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น
• ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว VPN พรีเมียม นั้นจะมีการเข้ารหัสระดับทหาร มีการป้องกัน DNS/IP ที่แน่นหนา และก็มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการพิสูจน์แล้วไว้ใช้สำหรับปกป้องข้อมูลของคุณ ในขณะที่ถึงแม้ว่า VPN ฟรีในรายการนี้จะใช้งานได้อย่างปลอดภัย แต่ VPN ฟรี หลายรายนั้นก็ไม่สามารถมอบฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในระดับเดียวกันได้ บางรายยังมีการบันทึกข้อมูลของคุณไปขายให้กับผู้โฆษณาบุคคลที่สามอีกด้วย

ทดลองใช้ ExpressVPN อย่างไม่มีความเสี่ยง  >>

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ VPN ฟรี

VPN ฟรี นั้นปลอดภัยจริงหรือไม่?

น่าเสียดายที่ VPN ฟรี นั้นจะไม่ปลอดภัย 100% เสมอไป อย่างไรก็ตาม VPN ในรายการนี้นั้นสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เราได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวมาทั้งหมดแล้ว และก็ไม่มีตัวไหนเลยที่เก็บข้อมูลบ่งชี้ตัวตนของคุณเอาไว้ เราได้ทำการทดสอบการรั่วไหล เพื่อให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อของเรานั้นจะได้รับการปกปิดอย่างเหมาะสม และพวกมันก็ผ่านการทดสอบทั้งหมด

VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะมีความอันตรายอันเนื่องมาจากหลายเหตุผล VPN ฟรี บางตัวนั้นไม่มีการเข้ารหัสอย่างเหมาะสม ในขณะที่บางตัวนั้นจะมีการเก็บข้อมูลและนำไปแบ่งปันให้กับบุคคลที่สามอย่างผู้โฆษณาเพื่อสร้างรายได้ ไม่ใช่แค่นั้น เราไปเจอ VPN ฟรี ที่มีมัลแวร์แฝงมาในแอปด้วย

มี VPN ฟรี ที่ใช้งานได้ไม่จำกัดหรือไม่?

มี VPN ฟรี หลายตัวในรายการนี้นั้นมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัดฟรี แต่มันจะจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่คุณใช้งานได้แทน ส่วนรายที่เปิดให้เข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้นั้นก็จะจำกัดข้อมูลของคุณ VPN ฟรี นั้นยังไงก็จะมีข้อจำกัด — และนั่นก็เป็นวิธีผลักดันให้ผู้ใช้งานสมัครใช้บริการแบบที่ต้องจ่ายเงิน ข้อจำกัดอื่น ๆ นั้นอาจจะรวมถึงการบล็อกทราฟฟิค P2P ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่อ่อนแอ หรือความสามารถการปลดบล็อกที่พึ่งพาไม่ได้

VPN ฟรีรายไหนเร็วที่สุด?

VPN ที่ฟรีอย่างเต็มรูปแบบตัวแรกในรายการของเรานั้นมีความเร็วที่สุดในการทดสอบของเรา ตอนที่เราทำการทดสอบการเชื่อมต่อที่อยู่ใกล้เคียง Proton VPN นั้นทำให้ความเร็วของเราตกลงไปเพียงแค่ 1% ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่พอเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อระยะไกล ความเร็วก็จะตกลงไปเพิ่มอีก

เรื่องนี้จะมีผลกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณมากแค่ไหนนั้น ก็จะขึ้นกับความเร็วฐานของคุณ หากคุณตั้งใจที่จะเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล หรือความเร็วฐานของคุณไม่ดี คุณควรจะเลือกใช้ VPN พรีเมียมที่มีความเร็วดีอย่าง ExpressVPN จะดีกว่า

VPN ฟรี ตัวไหนที่เหมาะสำหรับใช้ดู Netflix?

ถึงแม้ว่า VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะไม่สามารถผ่านการบล็อกภูมิภาคของ Netflix ได้ แต่เราก็เจอบางตัวที่สามารถผ่านได้อยู่ จากตัวเลือกของ VPN ที่ฟรีจริง ๆ ที่เราทดสอบมา Hotspot Shield และ hide.me เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใช้ดู Netflix แต่พวกมันก็มีข้อจำกัดเช่นกัน Hotspot Shield นั้นเร็วและมีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด แต่มันสามารถใช้งานได้กับ Netflix สหราชอาณาจักร เท่านั้น ส่วน hide.me ก็สามารถใช้งานกับ Netflix ที่เนเธอร์แลนด์ แคนาดา และสหราชอาณาจักร แต่มันจะจำกัดข้อมูลของคุณไว้แค่ 10GB ต่อเดือน (ประมาณ 3 ชั่วโมงของการสตรีมมิ่งในความชัดระดับ HD)

ถ้าคุณอยากได้แบบที่ครบครัน (ปลดบล็อกได้อย่างมีความเสถียร มีความเร็วสูง และมีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด) มันก็จะมีเฉพาะแต่ใน VPN พรีเมียม เพราะเหตุนั้นเราจึงมักจะแนะนำ ExpressVPN เป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับ Netflix อยู่เสมอ คุณยังสามารถทดลองใช้งานมันเป็นเวลา 30 วัน ได้อีกด้วย เนื่องจากมันมีการรับประกันคืนเงิน

VPN ฟรี ที่ดีที่สุดสำหรับใช้โหลด torrent คือ?

VPN ฟรี ที่ดีที่สุดสำหรับใช้โหลด torrent คือ Hotspot Shield เนื่องจากมันมีการเข้ารหัสระดับทหารและมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด อย่างไรก็ตาม มันจะมีเซิร์ฟเวอร์ฟรีให้เลือกแค่ 4 แห่ง ซึ่งก็อาจจะทำให้ความเร็วตกเพราะคนแย่งกันใช้ได้ ดังนั้นความเร็วในการดาวน์โหลดของคุณก็อาจจะไม่สูงที่สุด

ตัวเลือกที่ดีกว่าคือ ExpressVPN เครือข่ายทั้งหมดของมันจะรองรับการโหลด torrent มันเป็น VPN ที่เร็วมากจากที่เราทดสอบมา และมันก็มีข้อมูลไม่จำกัด เอาตามจริงแล้วมันก็ไม่ฟรี แต่ว่าคุณมีเวลาถึง 30 วัน เพื่อที่จะทำการขอคืนเงินได้ ถ้าหากว่าคุณไม่พอใจการให้บริการ เพราะว่ามันมีการรับประกันคืนเงิน

ฉันสามารถใช้บริการ VPN พรีเมียม ฟรีได้ไหม?

ไม่ได้ แต่คุณสามารถทดลอง VPN พรีเมียมต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง ในโลกของ VPN นั้น คำว่า "พรีเมียม" นั้นก็คู่กับ "จ่ายเงิน" VPN ฟรี นั้นไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่พรีเมียม มันจะมีข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้งานอัปเกรดไปใช้แพลนแบบจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม มี VPN ฟรี อย่างเต็มรูปแบบบางรายที่เราได้ทำการทดสอบมาซึ่งเปิดให้ใช้งานได้มากกว่ารายอื่น ๆ อย่างเช่นการที่จะมีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ และมีความเร็วดีมาก

VPN พรีเมียมส่วนใหญ่นั้นจะขอให้คุณชำระเงินก่อน โดยที่มันจะมีการรับประกันคืนเงิน นี่จะทำให้คุณสามารถทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทั้งด้านข้อมูล ความเร็ว ความสามารถในการปลดบล็อก ฟีเจอร์ความปลอดภัย และอื่น ๆ หากลองใช้แล้วคุณไม่ชอบ คุณก็สามารถขอคืนเงินได้ภายในระยะเวลาที่ VPN กำหนด

ฉันสามารถติดตั้ง VPN ฟรี บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง?

VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นสามารถใช้งานเข้ากันได้กับแล็ปท็อป เดสก์ท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน และ บางครั้งก็รวมถึง อุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย VPN ฟรี ในรายการนี้จะมีแอปรองรับสำหรับระบบปฏิบัติการยอดนิยมส่วนใหญ่ อย่างเช่น Windows, macOS, iOS, Android และ Linux บางรายนั้นสามารถใช้งานกับเราเตอร์และอุปกรณ์ Fire ได้ด้วย ในขณะที่ตัวอื่น ๆ ก็จะมีส่วนขยายสำหรับ Firefox และ Chrome

ฟีเจอร์ MediaStreamer ของ ExpressVPN ทำให้มันใช้งานได้อเนกประสงค์มากกว่าตัวเลือกที่เปิดให้ใช้ได้ฟรี 100% บนรายการนี้ มันจะทำให้คุณสามารถตั้งค่าใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่ปกติแล้วจะไม่รองรับ VPN (อย่างเช่นสมาร์ททีวีและเครื่องเล่นเกม)

VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะเปิดให้คุณเชื่อมต่อได้พร้อมกันแค่ 1 อุปกรณ์ ดังนั้นโปรดทราบว่าถึงแม้มันจะใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์ที่คุณมี แต่คุณก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ไปพร้อม ๆ กันได้

ฉันควรจะใช้ VPN ฟรี กับ Tor หรือไม่?

ใช้ได้ แต่คุณต้องเลือกใช้ตัวที่มีความเร็วและความปลอดภัยสูง เนื่องจากปกติแล้ว Tor ก็จะมีการดีเลย์ของทราฟฟิคสูงอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องเลือกใช้ VPN ที่มีความเร็วสูงเพื่อให้มันสามารถทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์ dark web นี้ได้ VPN ฟรี ซึ่งจำกัดแบนด์วิดท์และควบคุมความเร็วนั้นอาจจะใช้งานเข้ากับ Tor ได้ไม่ดีนัก

นอกจากนี้ เราก็อยากให้ทราบเอาไว้ว่าถึงแม้ VPN ฟรี ในรายการนี้นั้นจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมี VPN ฟรี มากมายที่ถ้าคุณใช้งานร่วมกับ Tor แล้วจะก่อให้เกิดความเสี่ยงกับคุณ Tor นั้นเป็นเป้าหมายหลักสำหรับมัลแวร์ การแฮ็ก และการกระทำอื่น ๆ ของอาชญากรไซเบอร์ ดังนั้น การเลือกใช้ VPN พรีเมียมที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยแน่นหนาก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อที่จะช่วยปกป้องคุณบนโลกออนไลน์ตอนที่เข้า dark web

VPN ฟรี ใช้งานในประเทศจีนได้หรือไม่?

มีบางตัวที่อาจจะใช้งานในประเทศจีนได้ แต่มันมักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็น การที่ VPN จะทำงานในประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น มันจะต้องมีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างเช่นการทำ obfuscation นี่จะช่วยให้มันสามารถหลบหลีกไฟร์วอลล์อันแน่นหนาและปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณไปพร้อม ๆ กันได้ บางตัวที่สามารถใช้งานได้และมีความปลอดภัยในระดับหนึ่งนั้นก็มักจะมาพร้อมกับข้อจำกัดมากมาย ทำให้คุณใช้ประโยชน์จากมันได้เป็นระยะเวลาแค่สั้น ๆ

หากคุณต้องการใช้งานอย่างมีความเสถียรกว่านี้ ก็จะดีกว่าถ้าคุณลงทุนเลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินซึ่งมีการรับประกันคืนเงิน VPN พรีเมียมนั้นสามารถเปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดและก็มีความเร็วสูง แถมมันยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงเช่นการทำ obfuscation อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ VPN จะต้องทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณจะไม่ถูกบันทึกหรือถูกเก็บเอาไว้ VPN ฟรี หลายรายที่นำข้อมูลผู้ใช้งานไปขายให้กับบุคคลที่สามเพื่อทำกำไร

เริ่มใช้งาน VPN ฟรีและดีที่สุดวันนี้เลย

ถึงแม้ว่า VPN ฟรี ทั้งหมดในรายการของเราจะไม่ทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย แต่ VPN ฟรี ทุกตัวต่างก็มีข้อจำกัดของมัน หากคุณรู้ว่าคุณกำลังต้องการเน้นฟีเจอร์ใดเป็นสำคัญ คุณก็สามารถเลือก VPN ฟรี ที่เหมาะกับคุณได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการสตรีมมิ่ง โหลด torrent หรือเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ตาม

ถ้าต้องการแบบ "ตัวเดียวจบ" เราแนะนำ ExpressVPN เรารู้ว่ามันไม่ฟรี แต่มันไม่จำกัดคุณเหมือนตัวเลือกที่ฟรี 100% จริง ๆ มันมีความเร็วสูง มีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมซึ่งสามารถใช้ดูสตรีมมิ่งและโหลด torrent ได้อย่างมีความเสถียร คุณสามารถทดลองใช้งานมันได้อย่างไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากมันมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน การขอคืนเงินนั้นก็ง่ายและรวดเร็ว

สรุปแล้ว นี่คือ VPN ที่ดีที่สุด ซึ่งมีการรับประกันคืนเงิน-