วิธีซ่อน IP Address อย่างง่ายในปี 2023

มีหลายวิธีในการซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ แต่ไม่ใช่ทุกวิธีจะปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพเหมือนกันหมด บางวิธีทำให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณมีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่บางวิธีอาจทำให้ความเร็วของคุณช้าลงมาก เพื่อให้ช่วยให้คุณได้ทางออกที่ดีที่สุด เราได้ทดสอบหลายวิธีในการซ่อน IP ของคุณและพบว่า 5 วิธีที่ใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือ สิ่งที่สำคัญคือการหาวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด

จากทั้งหมด 5 วิธี วิธีที่ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุดคือการใช้ VPN มันเป็นแอปที่ใช้งานได้ง่าย ที่สามารถซ่อน IP ของคุณได้ใน 1 คลิก นอกจากนี้ยังเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและไม่ทำให้ความเร็วของคุณช้าลงเหมือนกับวิธีอื่น ๆ

ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉัน มันมาพร้อมกับการการันตีคืนเงิน 30 วันเพื่อให้คุณสามารถซ่อน IP ด้วย ExpressVPN โดยปราศจากความเสี่ยง หากคุณไม่พอใจ คุณสามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้

ซ่อน IP ของคุณด้วย ExpressVPN

5 วิธีที่ดีที่สุดในการซ่อน IP ของคุณ 2023

1. ใช้ VPN — วิธีที่ปลอดภัยและง่ายที่สุดในการซ่อน IP ของคุณ

นอกจากการซ่อน IP ของคุณแล้ว VPN ยังให้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

VPN นั้นเป็นวิธียอดนิยมในการซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ มันเป็นแอปที่จะทำการเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณ และจะเปลี่ยนเส้นทางมันไปยังเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว ที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN นั้นจะถูกใช้แทนที่ IP ของคุณ จนกว่าที่คุณจะตัดการเชื่อมต่อ

เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ VPN นั้นมักจะกระจายอยู่ทั่วโลก คุณจึงสามารถเลือกที่อยู่ IP ได้จากหลายประเทศ นี่จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งที่ถูกจำกัดในพื้นที่ได้ อย่างเช่น HBO หรือ BBC iPlayer รวมถึงแอป, เว็บไซต์ และเกมที่อาจจะไม่สามารถเข้าถึงได้จากที่อื่น

อีกข้อดีหนึ่งของ VPN ก็คือมันจะทำการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณ เพื่อให้คุณสามารถท่องเว็บ สตรีม เล่นเกม หรือโหลด torrent ได้อย่างปลอดภัย ง่าย ๆ ก็คือ มันจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับทุกอย่างที่คุณทำบนโลกออนไลน์ VPN ที่ดีนั้นจะทำแบบนี้ด้วยหลายฟีเจอร์ แรกสุดเลยก็คือการปกป้องคุณจากการรั่วไหลของ DNS, IPv4/6 และ WebRTC เพื่อช่วยซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ อีกฟีเจอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปก็คือ kill switch ซึ่งจะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถ้า VPN เกิดล้มเหลวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ เพื่อไม่ให้ IP จริงของคุณถูกเปิดเผย

VPN นั้นยังช่วยให้คุณสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวออนไลน์ได้ VPN ส่วนใหญ่นั้นจะใช้ที่อยู่ IP แบบที่แชร์กันใช้ ซึ่งก็หมายความว่าคนอื่นก็สามารถใช้ที่อยู่ IP เดียวกับคุณได้ นี่แปลว่าจะติดตามกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ กลับมาหาตัวคุณได้ยาก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ไม่ใช่ทุก VPN ที่จะมีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นการเลือกใช้งานจึงมีความสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น มันควรจะทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการพิสูจน์แล้วอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าบริการ VPN จะช่วยซ่อน IP ของคุณ แต่ผู้ให้บริการ VPN ก็ยังสามารถมองเห็น IP ของคุณได้ — นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลนั้นแปลว่า IP ของคุณ (หรือข้อมูลบ่งชี้ตัวตนอื่น ๆ) นั้นจะไม่ถูก VPN บันทึกเอาไว้ และก็ไม่สามารถถูกนำไปแชร์ต่อได้

คุณนั้นยังสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ของคุณได้โดยง่ายอีกด้วย หลังจากที่ติดตั้งแล้ว คลิกไม่กี่ทีก็สามารถซ่อน IP ได้เลย อย่างเช่น เรานั้นใช้เวลาดาวน์โหลดติดตั้งและทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ไม่ถึงนาที ตอนที่ใช้งาน ExpressVPN บนแล็ปท็อป Windows
VPN ส่วนใหญ่นั้นเป็นบริการแบบสมัครสมาชิก ซึ่งคุณจะต้องจ่ายค่าบริการแบบรายเดือนหรือรายปีเพื่อที่จะสามารถใช้บริการได้เต็มรูปแบบ เงินที่ต้องจ่ายนั้นก็เพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน ทำให้มันสามารถเข้าถึงได้ง่าย VPN นั้นมักจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้งานได้ฟรีในช่วงเวลาจำกัด นี่จะช่วยให้คุณสามารถขอเงินคืน (มักจะภายใน 30 วันหลังจากที่ทำการสมัครสมาชิก) ถ้าคุณใช้แล้วรู้สึกไม่พอใจ

วิธีซ่อน IP ด้วย VPN ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

1. ดาวน์โหลด VPN  ตัวเลือกที่ฉันชอบมากที่สุดคือ ExpressVPN เพราะคุณสามารถเลือก IP ใน105ประเทศต่าง ๆ เพื่อใช้ซ่อนของคุณได้ อย่างไรก็ตามบริการมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30วัน
2. เลือกเซิร์ฟเวอร์ เซิร์ฟเวอร์จะถูกจัดเรียงตามตำแหน่ง
3. เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ เพียงคลิกที่ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ บริการจะเชื่อมต่อคุณกับ IP ใหม่ของคุณโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณสามารถรับ IP ใหม่ในคลิกเดียวได้

ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้เลยวันนี้

2. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่ — เหมาะสำหรับการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นเนื้อหา แต่มันไม่ปลอดภัย

พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นเนื้อหาได้ แต่ขาดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย

จะคล้ายกับ VPN, SSL, SSH หรือ SOCKS ตรงที่พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์นั้นจะซ่อนที่อยู่ IP ของคุณด้วยการเป็นตัวกลางระหว่างอุปกรณ์และเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม ดังนั้นเมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ มันก็จะเห็นที่อยู่ IP ของพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ของคุณแทนที่จะเป็นที่อยู่ IP ของคุณ บริการพร็อกซี่ที่ดีนั้นจะเปิดให้คุณเลือกระหว่างเซิร์ฟเวอร์หลายแห่ง และมันก็มักจะเป็นที่นิยมเนื่องจากมันมักจะให้บริการฟรี

แต่พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ขาดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมันไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและไม่ครอบคลุมการรับส่งข้อมูล DNS บุคคลที่สามยังสามารถเข้าถึงกิจกรรมออนไลน์ของคุณและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการโจมตีจากคนกลางมากกว่าเพราะขาดการรับรองความถูกต้องที่ VPN มี

ฉันเจอกับความเร็วที่ช้าลงเมื่อใช้พร็อกซีของ hide.me เพราะเซิร์ฟเวอร์นั้นแออัดจนเกินไป มันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับบริการฟรี เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะปรับปรุงเครือข่ายและเนื่องจากมันเป็นแอปพลิเคชั่นเฉพาะ มันจึงซ่อน IP ของคุณในเบราว์เซอร์เท่านั้น ไม่เหมือนกับ VPN ที่ซ่อนการเชื่อมต่อในทุกแอป

วิธีซ่อน IP ด้วยพร็อกซี่ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

1. เลือกเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่ เราแนะนำ hide.me
2. ไปที่เว็บพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ จากนั้นป้อน URL ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการเข้าถึงในแบบฟอร์ม เลือกตำแหน่ง (ถ้ามี) แล้วกด "Enter" เพื่อเข้าถึง
3. เพลิดเพลินไปกับการใช้งานด้วย IP ใหม่ คุณจะยังใช้เว็บไซต์ในหน้าต่างเบราว์เซอร์เดียวกัน แต่ใช้ IP ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แทน

3. ใช้ Tor เบราเซอร์ — การเข้ารหัสหลายชั้น แต่ลดความเร็วลงมาก

เบราว์เซอร์ของ Tor มีความปลอดภัยสูงแต่ช้ามาก

เบราว์เซอร์ Tor (The Onion Router) ส่งข้อมูลของคุณผ่านเครือข่ายโอเพ่นซอร์สที่กระจายอยู่ตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน มันจะเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลของคุณโดยส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องที่เรียกว่า "node" ซึ่งเพิ่มชั้นการเข้ารหัสพิเศษ ชั้นเหล่านี้มีลักษณะคล้ายหัวหอมและมีชื่อว่า "Tor" เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมจะเห็นแค่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ล่าสุดที่เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณ (เรียกว่าโหนดทางออก) จึงสามารถซ่อน IP ของคุณได้

แม้ว่าเบราว์เซอร์ของ Tor จะให้บริการฟรี แต่ข้อเสียเปรียบที่สำคัญก็คือจำนวนชั้นการเข้ารหัสที่มากนั้นทำให้ความเร็วของคุณช้าลงอย่างมาก ฉันใช้เวลามากกว่า 10 วินาทีในการโหลดหน้าเว็บธรรมดา ในขณะที่กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสตรีมและการดาวน์โหลดนั้นกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ ISP ของคุณยังคงเห็นว่าคุณกำลังใช้ Tor (แม้ว่าจะไม่สามารถเห็นสิ่งที่คุณกำลังรับชมอยู่ได้) ดังนั้นมันจึงยังไม่เป็นส่วนตัวเหมือน VPN เป็นต้น อีกปัญหาหนึ่งคือความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมันเป็นพอร์ทัลหลักในการเข้าถึงดาร์กเว็บ ด้วยเหตุนี้จึงผิดกฎหมายในบางประเทศและสุดท้ายมันไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นเนื้อหาได้ดีเท่าที่ควร เนื่องจากคุณไม่สามารถควบคุมตำแหน่งของโหนดทางออกได้

วิธีซ่อน IP ด้วย Tor ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

1. ดาวน์โหลดเบราเซอร์ Tor  ไปที่เว็บ Tor และดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณ
2. ติดตั้งเบราเซอร์ Tor  คลิกไปที่ไฟล์ที่ดาวน์โหลดและทำตามคำแนะนำการติดตั้ง
3. เพลิดเพลินกับการใช้งานเว็บอย่างปลอดภัยด้วยหมายลข IP ใหม่ เปิดเบราว์เซอร์ของ Tor และใช้งานเหมือนกับเบราว์เซอร์ทั่วไป ซึ่ง IP จริงของคุณจะถูกซ่อนไว้เมื่อใช้งาน

4. สร้างฮอตสปอตบนสมาร์ทโฟนของคุณ ตัวเลือกที่พร้อมใช้งาน แต่บางครั้งอาจเสียเงิน

หาก IP จริงของคุณถูกละเมิดหรือคุณไม่ต้องการใช้นี้ชั่วคราว การสร้างฮอตสปอตบนสมาร์ทโฟนของคุณก็เป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ยังตั้งค่าได้ง่ายอีกด้วย แค่เข้าไปที่การตั้งค่าโทรศัพท์เพื่อเปิดใช้งานฮอตสปอต จากนั้นเชื่อมต่อแล็ปท็อปกับฮอตสปอต ซึ่งฉันใช้เวลาไปหนึ่งนาทีนิด ๆ

แม้ว่าวิธีนี้จะเปลี่ยน IP ของคุณ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ 3 อย่าง อย่างแรก ผู้ให้บริการมือถือของคุณสามารถดูกิจกรรมทั้งหมดของคุณได้ ดังนั้นการใช้งานจึงไม่เป็นส่วนตัว อย่างที่สองคุณไม่สามารถเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ได้เนื่องจากตำแหน่งของคุณนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและสุดท้าย การใช้งานบนแล็ปท็อปอาจใช้ข้อมูลมือถือของคุณหมดไปได้อย่างรวดเร็วและอาจมีค่าใช้จ่ายสูง

วิธีซ่อน IP ด้วยฮอตสปอทมือถือใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

1. เปิดฮอตสปอตส่วนบุคคลของคุณ ไปที่การตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณ ปิด WiFi และเปิดใช้งานฮอตสปอตส่วนบุคคลของคุณ
2. เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณ ค้นหาฮอตสปอตบนอุปกรณ์ของคุณและเชื่อมต่อ
3. เพลิดเพลินไปกับการใช้งานด้วย IP ใหม่ ใช้ข้อมูลบนมือถือของคุณเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วย IP ของผู้ให้บริการมือถือของคุณ

5. ใช้ WiFi สาธารณะ — ใช้งานได้ฟรี แต่การเชื่อมต่อของคุณมีช่องโหว่

การใช้เครือข่าย WiFi สามารถซ่อน IP จริงของคุณได้ แม้ว่าคุณจะเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายสาธารณะก็ตาม หากคุณไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการและสามารถเข้าถึง WiFi สาธารณะได้ ตัวเลือกนี้อาจเป็นวิธีแก้ไขในระยะสั้น

แต่มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ปลอดภัย เนื่องจากแฮกเกอร์มักใช้เครือข่าย WiFi สาธารณะเพื่อทำการโจมตี เนื่องจากเครือข่ายเหล่านี้ไม่มีการเข้ารหัสหรือการรับรองความถูกต้อง แฮ็กเกอร์จึงสามารถใช้เครือข่ายเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อย่างง่ายดาย เช่น รหัสผ่านและบัตรเครดิต อีกปัญหาหนึ่งคือความเร็วที่ช้าลงอย่างมาก เป็นผลมาจากการใช้งานเครือข่ายจำนวนมากพร้อมกัน

วิธีที่ดีที่สุดในการซ่อน IP ของคุณใน 2023

1. ExpressVPN — ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวระดับโลกที่จะช่วยซ่อน IP ของคุณ

ExpressVPN นั้นมีการป้องกันการรั่วไหล ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าที่อยู่ IP จริงของคุณจะไม่รั่วไหลออกไปโดยบังเอิญ เราทำการทดสอบ 5 เซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาและ 4 เซิร์ฟเวอร์ของสหราชอาณาจักร และเราก็ไม่พบการรั่วไหลของ IP, DNS หรือ WebRTC เลย ดังนั้นที่อยู่ IP จริงของเราจึงถูกซ่อนเอาไว้ตลอด นอกจากนี้ มันยังมีเซิร์ฟเวอร์ DNS เป็นของตนเอง และก็มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว มันยังใช้งานเทคโนโลยี TrustedServer — เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM นั้นจะไม่เก็บข้อมูลเอาไว้ ดังนั้น IP จริงของคุณและข้อมูลส่วนตัวของคุณก็จะไม่ถูกบันทึกเก็บเอาไว้

ฉันรู้ว่าข้อมูลส่วนตัวของฉันปลอดภัยเพราะ IP จริงของฉันถูกปกปิดอยู่เสมอ

ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจะช่วยปกป้องตัวตนบนโลกออนไลน์ของคุณ และจะทำให้เป็นเรื่องยากที่ผู้ประสงค์ร้ายจะมองเห็นที่อยู่ IP จริงของคุณได้ ยกตัวอย่างเช่นการเข้ารหัส 256-bit จะช่วยให้มั่นใจว่า แฮ็กเกอร์จะไม่สามารถขโมย IP หรือดักจับข้อมูลของคุณได้ นอกจากนี้แล้ว kill switch จะช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัย ถึงแม้ว่า VPN จะหยุดทำงานด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม — หรือก็คือที่อยู่ IP จริงของคุณจะไม่รั่วไหลออกไป

ExpressVPN นั้นยังมีความเร็วที่น่าประทับใจมาก ปกติแล้ว VPN มักจะทำให้ความเร็วฐานของคุณช้าลงเล็กน้อย เพราะว่าการเข้ารหัส (10-20% เป็นค่าทั่วไป) และยิ่งเซิร์ฟเวอร์อยู่ไกล ความเร็วก็จะยิ่งตกลงไปมากยิ่งขึ้น ความเร็วของเราตกลงไปไม่เกิน 9% ในขณะที่เราใช้เซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกาของ ExpressVPN — ถึงแม้ว่ามันจะห่างจากที่อยู่จริงของเราไปถึง 8,000 กม. เลยก็ตาม

ด้วยกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ ExpressVPN จึงมีที่อยู่ IP เป็นพันให้คุณเลือกเพื่อใช้ซ่อนที่อยู่ IP ของตัวเอง มันยังสามารถหลบหลีกการบล็อกภูมิภาคของเว็บไซต์อย่าง Netflix ได้ด้วย ตอนที่เราทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์นิวยอร์กของมันเพื่อใช้ IP นิวยอร์ก เราก็สามารถเข้าถึง Netflix สหรัฐอเมริกา ได้อย่างง่ายดาย (มี VPN ไม่มากที่ใช้งานได้เสถียรแบบนี้) เนื่องจากความเร็วของเราดี ทำให้เราไม่ต้องโหลดนานและก็ไม่มีการบัฟเฟอร์ระหว่างที่สตรีมมิ่งในความชัดระดับ UHD

ExpressVPN นั้นเป็น VPN ระดับชั้นนำ ดังนั้นแพลนของมันจึงมีราคาแพงกว่า VPN รายอื่น ๆ เล็กน้อย แพลนราคาถูกที่สุดเริ่มต้นที่ $6.67/เดือน ถึงแม้ว่า ExpressVPN จะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย แต่มันก็มีข้อเสนอที่สามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ เราสมัครใช้งานแพลนแบบ 1 ปี และเราก็ได้รับแถมให้ใช้งานฟรีถึง 3 เดือน

แพลนของมันนั้นยังได้รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ของ ExpressVPN ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง หากคุณไม่พอใจในการให้บริการ คุณก็สามารถขอเงินคืนได้อย่างง่ายดาย เราอยากที่จะทำการทดสอบนโยบายนี้ เราจึงติดต่อตัวแทนบริการลูกค้าผ่านไลฟ์แชท 24/7 เพื่อทำการยกเลิกการสมัครสมาชิกในวันที่ 25 หลังจากที่ตอบคำถามง่าย ๆ 2 ข้อแล้วเกี่ยวกับความพอใจในการใช้งาน พวกเขาก็ประมวลผลคำร้องให้เรา และเราก็ได้รับเงินคืนหลังจากที่ผ่านไป 2 วันทำการ

ซ่อน IP ของคุณด้วย ExpressVPN

2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์ NoSpy ซ่อน IP ของคุณและให้การเชื่อมต่อของคุณเป็นส่วนตัว

CyberGhost นั้นมีเครือข่ายถึง 9,561 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์ NoSpy เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูลส่วนตัวของ CyberGhost ที่โรมาเนีย และก็มีความปลอดภัยเพิ่มไปอีกขั้นเพราะว่าจะมีแต่พนักงานของ VPN เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงมันได้ ตอนที่เราทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ดู บน ipleak.net เราก็ไม่พบการรั่วไหลของ IP เลยสักนิด นี่หมายความว่าที่อยู่ IP จริงของคุณนั้นจะไม่ถูกเปิดเผยในทุก ๆ กรณี แถมมันยังใช้งานการเข้ารหัส 256-bit AES และก็มี kill switch ด้วย

นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมและทอร์เรนต์ ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการซ่อน IP ของคุณเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมหรือทอร์เรนต์อย่างปลอดภัย

มันยังมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอันเข้มงวดของมันได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้วและ มันก็ไม่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ของคุณอย่างเช่นที่อยู่ IP, ประวัติการค้นหา หรือการกำหนดค่าการค้นหา สำนักงานใหญ่ที่โรมาเนียของ CyberGhost นั้นดีมากสำหรับเรื่องความเป็นส่วนตัวเพราะว่ามันตั้งอยู่นอกพื้นที่พันธมิตร 14 Eyes — ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลของประชากรต่อกันและกัน

ความเร็วสูงของมันจะช่วยให้คุณสามารถท่องโลกออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลโดยที่ไม่ถูกรบกวนด้วย ตอนที่เราทำการทดสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา ความเร็วในการดาวน์โหลดของเราก็ตกลงไปเพียงแค่ 16% เท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่เร็วเท่ากับ ExpressVPN แต่มันก็ยังถือว่าน่าประทับใจ มันเร็วพอที่เราจะใช้สตรีมมิ่ง Disney+ ในความชัดระดับ UHD โดยที่ไม่เกิดการบัฟเฟอร์

น่าเสียดายที่แพลนระยะสั้นของ CyberGhost นั้นมีราคาแพงมาก และเราก็รู้สึกผิดหวังที่มันมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินระยะสั้นเพียงแค่ 14 วัน แต่ แพลนระยะยาวของมันนั้นมีราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้นเพียง $2.11/เดือน คุณยังสามารถอัปเกรดแพลนของคุณเพื่อให้เพิ่มที่อยู่ IP เฉพาะ (หรือส่วนตัว) ได้ด้วย มันจะเป็นที่อยู่ IP ที่คนอื่นไม่สามารถใช้งานได้ แถมมันยังสามารถเข้าถึงบริการที่ถูกจำกัดเฉพาะในพื้นที่ได้เร็วกว่าและง่ายกว่าในขณะที่คุณกำลังเดินทาง

แพลนระยะยาวนั้นพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วัน นี่หมายความว่าคุณจะสามารถใช้งาน CyberGhost เพื่อซ่อนที่อยู่ IP ของคุณและทดลองใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ทั้งหมดของมันได้อย่างสบายใจว่าถ้าคุณไม่พอใจในบริการ คุณก็สามารถขอเงินคืนได้ เราทำการทดสอบนโยบายนี้มาแล้วด้วยการขอให้ฝ่ายบริการลูกค้าทำการยกเลิกการสมัครสมาชิกของเราผ่านไลฟ์แชท 24/7 หลังจากที่เราแจ้งไปว่าทำไมเราอยากขอยกเลิก พวกเขาก็อนุมัติคำขอคืนเงินให้เรา และเราก็ได้รับเงินคืนภายใน 3 วันทำการ

ซ่อน IP ของคุณด้วย CyberGhost

3. Private Internet Access — ซ่อน IP ของคุณด้วยตัวเลือกความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้

Private Internet Access (PIA) นั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งปรับแต่งได้ ซึ่งจะช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัยพร้อมซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนได้ระหว่างการเข้ารหัส AES 128 หรือ 256-bit เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มความคล่องตัวให้กับการเชื่อมต่อของคุณตามต้องการ AES 128-bit นั้นจะมีความเร็วที่สูงกว่าเพราะมีการเข้ารหัสที่น้อยกว่า ในขณะที่ 256-bit จะมีมาตรฐานการเข้ารหัสที่สูงกว่าเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด แต่มันจะมีความเร็วที่ต่ำกว่า

ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งช่วยป้องกันไม่ให้ IP ของคุณถูกเปิดเผย

และมันก็ยังมีการป้องกันการรั่วไหลที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ที่อยู่ IP ของคุณถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม เราทำการทดสอบ 5 เซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกากับ ipleak.net และที่อยู่ IP จริงของเราก็ไม่เคยถูกตรวจพบเลย และเราก็ยังได้ทำการทดสอบการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC ซึ่งข้อมูลนี้ก็ไม่ถูกเปิดเผยเช่นกัน PIA นั้นยังมี kill switch อัตโนมัติ ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าที่อยู่ IP จริงของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตอนแรกเราก็รู้สึกเป็นกังวล เพราะว่า PIA นั้นตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นใจกลางของพันธมิตร Eyes อย่างไรก็ตาม นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของมันก็ได้ผ่านการพิสูจน์ในชั้นศาลมาแล้ว — PIA นั้นไม่แบ่งปันข้อมูลใด ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่เพราะมันไม่มีข้อมูลใด ๆ เก็บไว้ให้แบ่งปัน

ตอนที่เราทำการตรวจสอบราคาของแต่ละแพลน เราเห็นว่ามีราคาถูกที่สุดอยู่ที่ $2.11/เดือน มันจะต่างจากแพลนระยะสั้น ตรงที่แพลนนี้มีแถมให้คุณใช้งาน Boxcryptor ฟรีหนึ่งปี มันจะทำให้คุณสามารถเข้ารหัสข้อมูลคลาวด์ที่คุณเก็บบน iCloud, Google Drive และ Dropbox เช่นเดียวกันกับ CyberGhost ตรงที่คุณสามารถซื้อที่อยู่ IP เฉพาะสำหรับไว้ให้คุณใช้คนเดียวได้ มันมีประโยชน์เพราะว่ามันจะหยุดไม่ให้คุณถูกบล็อกเพราะใช้งานผ่านหลาย IP

คุณสามารถทดลองใช้งาน PIA ได้ฟรี โดยใช้การรับประกันคืนเงิน 30 วัน ฉันทดสอบการขอคืนเงินผ่านไลฟ์แชทระหว่างวันที่ 30 ฉันแค่ให้เหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องการยกเลิกบริการ มันเป็นกระบวนการที่ง่ายมาก หลังจาก 4 วันทำการ ฉันได้รับเงินคืนเต็มจำนวน

ซ่อน IP ของคุณด้วย PIA

4 วิธีอื่น ๆ (ที่ไม่ดีนัก) ในการเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณ

1. ถอดปลั๊กโมเดมของคุณออก

ในขณะที่มันอาจฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ การถอดปลั๊กโมเดมของคุณสามารถช่วยเปลี่ยน IP ของคุณได้ เมื่อการเชื่อมต่อของคุณกับ ISP ยุติลง IP ล่าสุดของคุณก็จะถูกลบไปด้วย ดังนั้นการเชื่อมต่อกับ ISP ใหม่จะช่วยให้คุณได้ IP ใหม่อีกครั้ง แต่วิธีนี้จะใช้ได้เมื่อ ISP ใช้ IP แบบไดนามิก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ใช้กัน

เคล็ดลับก็คือคุณต้องถอดปลั๊กโมเดมให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามมันเป็นวิธีที่เชื่อถือได้ไม่ได้เท่าไหร่ ดังนั้นวิะ๊นี้จึงไม่ควรเป็นตัวเลือกแรกของคุณ แถม ISP ของคุณยังสามารถดูกิจกรรมที่คุณทำออนไลน์ได้และวิธีนี้ไม่ได้เพิ่มชั้นการป้องกันหรือให้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมแต่อย่างใดและ IP ของคุณก็ยังคงเป็นที่อยู่ในประเทศ ดังนั้นคุณก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นได้เช่นกัน

2. ใช้ไฟร์วอลล์ NAT

NAT (Network Address Translation) ไฟร์วอลล์จะทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันสามารถใช้ที่อยู่ IP สาธารณะเดียวกัน — นี่จะช่วยปิดบังเฉพาะที่อยู่ IP เฉพาะของแต่ละเครื่อง มันจะรับคำร้องจากที่อยู่ IP ส่วนตัวของแต่ละเครื่อง และก็ส่งมันทั้งหมดผ่านไปยังที่อยู่ IP สาธารณะ ก่อนที่มันจะไปถึงจุดหมายปลายทางออนไลน์

อธิบายง่าย ๆ ก็คือไฟร์วอลล์ NAT ไม่ได้ซ่อน IP ของคุณ แต่มันช่วยปกป้องอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยการซ่อน IP ของอุปกรณ์เหล่านั้น ตำแหน่งและกิจกรรมของคุณยังสามารถถูกเข้าถึงได้เพราะ IP สาธารณะไม่ได้ถูกซ่อน

3. ขอให้ ISP ของคุณเปลี่ยนให้คุณ

สิ่งที่คุณต้องทำคือติดต่อ ISP ของคุณโดยตรงและขอให้พวกเขาเปลี่ยน IP ของคุณ เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีข้อมูลบัญชีทั้งหมด เนื่องจากพวกเขามักจะถามข้อมูลเหล่านี้ แต่โปรดจำไว้ว่า ISP ส่วนใหญ่ใช้ IP แบบไดนามิก หมายความว่าคุณจะไม่ใช้ใหม่เสมอไป หากคุณต้องการใช้ IP เดิมต่อไปให้ขอ IP แบบคงที่แทน

และวิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ IP ใหม่เท่านั้น มันไม่ได้ช่วยให้คุณมีความปลอดภัยหรือสามารถเข้าถึงบริการที่ถูกปิดกั้นได้ นอกจากนี้ ISP ของคุณยังสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์และเก็บข้อมูลของคุณได้อีกด้วย ดังนั้นมันไม่ใช่ทางเลือกสำหรับความปลอดภัยที่ดีเท่าไหร่

4. Renew IP ส่วนตัวของคุณใหม่

เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเราเตอร์ WiFi หรือสาย ethernet จะทำให้คุณได้รับที่อยู่ IP สาธารณะและส่วนตัวสำหรับอุปกรณ์เครือข่ายของคุณ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของคุณจะสามารถใช้งานที่อยู่ IP ส่วนตัวเพื่อสื่อสารระหว่างกันและกัน การทำแบบนี้จะไม่ได้ซ่อนที่อยู่ IP สาธารณะของคุณ; มันจะซ่อนเฉพาะที่อยู่ IP ของอุปกรณ์คุณ ดังนั้นกิจกรรมออนไลน์และตำแหน่งของคุณจะยังถูกเห็นได้อยู่ อย่างไรก็ตาม มันสามารถทำได้ง่าย ๆ บนอุปกรณ์ของคุณภายในไม่กี่ขั้นตอน

บน Windows

1. ค้นหา Command Prompt ในเมนู Windows ตรงด้านซ้ายของ taskbar
2. คลิกขวาเพื่อ Run as administrator เพื่อเปิด Command Prompt box
3. กรอก ipconfig /release จากนั้นกด Enter เพื่อปล่อยที่อยู่ IP ปัจจุบันของคุณ
4. กรอก ipconfig /renew จากนั้นกด Enter เพื่อรับที่อยู่ IP ใหม่

บน macOS

1. เปิด System Preferences จากเมนู Apple
2. ไปที่ Network และในแถบด้านซ้าย ไปที่ network ที่คุณเชื่อมต่ออยู่
3. คลิก Advanced และเลือกแท็บ TCP/IP
4. คลิก Renew DHCP Lease เพื่อขอรับที่อยู่ IP ใหม่

ซ่อน IP ของคุณได้เลยวันนี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซ่อนที่อยู่ IP

 IP สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวของฉันได้ไหม

 IP ไม่สามารถใช้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณได้แต่สามารถใช้เพื่อรวมเข้ากับข้อมูลอื่น ๆ เพื่อระบุตัวคุณได้ ตัวอย่างเช่น IP และกิจกรรมการใช้งานสามารถใช้สร้างโปรไฟล์ของคุณและติดตามการเคลื่อนไหวของคุณ จากนั้นผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อกำหนดเป้าหมายคุณด้วยโฆษณาเฉพาะได้ หากคุณกังวลเกี่ยวกับการปกป้องความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ การซ่อน  IP ของคุณเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการทำเช่นนั้น

โปรดทราบว่าวิธีการบางอย่างนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าวิธีอื่น วิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวตนของคุณจากการถูกติดตามคือการใช้ VPN ในขณะที่วิธีการอื่น ๆ เช่น พร็อกซี่และ Tor จะซ่อน IP จริงของคุณบนเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่ VPN จะซ่อน IP ของคุณในทุกแอปบนอุปกรณ์ของคุณ รวมถึงเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณ

ฉันจะซ่อน IP บนอุปกรณ์ทั้งหมดได้ไหม

ได้ คุณสามารถซ่อน IP ของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ WiFi ทั้งหมดของคุณได้ วิธีซ่อน IP บางวิธีใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกวิธีการที่เหมาะกับอุปกรณ์ที่คุณต้องการ VPN สามารถใช้งานได้ดีที่สุด คุณสามารถติดตั้งบนเราเตอร์ เพื่อซ่อน IP ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์ทุกเครื่องในเครือข่ายของคุณ

เพื่อเป็นการขยายความ แอปของ VPN จะทำการซ่อน IP ของคุณในทุกแอปที่คุณใช้บนอุปกรณ์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะใช้งานบน Windows, Mac, Linux, Android, หรือ iOS ก็ตาม อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์นั้นแปลว่าคุณจะสามารถเปลี่ยน IP ของคุณบนเครื่องเล่นเกม, สมาร์ททีวี และอุปกรณ์สตรีมมิ่งอย่างเช่น Chromecast ในทางตรงกันข้าม พร็อกซี่จะสามารถใช้งานได้เฉพาะบนเบราว์เซอร์และ Tor นั้นจะใช้งานได้เฉพาะกับ Windows, Mac และ Linux (และก็จะซ่อน IP ของคุณเฉพาะภายในเบราว์เซอร์ Tor เท่านั้น)

ฉันจะซ่อน IP ฟรีได้ไหม

ได้ คุณสามารถซ่อนที่อยู่ IP ฟรีได้ แต่วิธีฟรีนั้นมีข้อเสียใหญ่อยู่ เซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่นั้นใช้งานง่ายและก็เหมาะสำหรับการหลบหลีกการจำกัดในภูมิภาค เพราะว่าคุณจะสามารถเลือกตำแหน่งตามภูมิภาคได้ อย่างไรก็ตาม พร็อกซี่นั้นขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว และเนื่องจากมีใครหลายคนที่ใช้งานมัน มันจึงมักจะมีความเร็วที่ต่ำมาก
เพราะว่ามันมีการเข้ารหัสหลายชั้น Tor เบราว์เซอร์นั้นถึงเป็นที่แนะนำสำหรับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แต่ผลลัพธ์ก็คือมันจะช้าอยู่ตลอด ทำให้มันไม่เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่งหรือการดาวน์โหลด คุณยังไม่สามารถเลือกที่อยู่ IP ใหม่โดยไม่ผ่านการกำหนดค่าอันซับซ้อนได้อีกด้วย

มี VPN ฟรี ให้ใช้งานได้อยู่ แต่เราไม่แนะนำ เพราะว่ามันหลายรายที่ไม่ได้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ และมันก็มีการจำกัดด้านข้อมูลและความเร็วที่น่ารำคาญอีกด้วย VPN คุณภาพสูงนั้นจะมีค่าธรรมเนียมรายเดือนแค่เล็กน้อย และก็เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการซ่อน IP ของคุณ (และก็จะไม่ทำให้ความเร็วของคุณตกด้วย)

เคล็ดลับหนึ่งก็คือ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่จะมีการรับประกันคืนเงิน ดังนั้นคุณจึงสามารถขอเงินคืนได้ถ้าคุณไม่พอใจในการให้บริการ (คุณมักจะมีเวลาประมาณ 30 วัน) ดังนั้น คุณจึงสามารถใช้ VPN คุณภาพสูงเพื่อซ่อน IP ของคุณโดยไม่ต้องจ่ายอะไรเลยได้ ถ้าคุณอาศัยเรื่องการรับประกันคืนเงิน

การซ่อน IP ถูกกฎหมายหรือเปล่า

ใช่ การซ่อนหรือเปลี่ยน IP ของคุณนั้นถูกกฎหมาย และมันก็เป็นวิธีการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ของคุณจากแฮ็กเกอร์และภัยอันตรายออนไลน์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่วิธีในการซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณ กฎหมายและข้อบังคับที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการปลอมแปลง IP ขึ้นกับว่าคุณอยู่ที่ไหนและคุณใช้วิธีไหน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ WiFi hotspot สาธารณะเพื่อปิดบังตัวตนออนไลน์ของคุณนั้นไม่มีผลที่ตามมาใด ๆ ทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของมันนั้นค่อนข้างมีจำกัด แถมการใช้งานผ่านเครือข่ายสาธารณะที่ไม่ปลอดภัยก็อาจทำให้คุณตกเป็นเป้าของแฮ็กเกอร์ได้

วิธีที่ปลอดภัยที่สุด (และง่ายที่สุด) ในการซ่อนที่อยู่ IP ของคุณก็คือการใช้ VPN VPN นั้นถูกกฎหมายในหลายแห่งทั่วโลก แต่บางประเทศก็ได้จำกัดการใช้งานมัน (เช่นจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซีย) หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์บนโลกออนไลน์สูง คุณก็ควรจะตรวจสอบกฎหมายล่าสุดอยู่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ก่อนที่คุณจะใช้งาน VPN

ฉันจะซ่อน IP บน Google Chrome ได้ยังไง

มีหลายวิธีให้เลือกในการซ่อนที่อยู่ IP บน Chrome หนึ่งในนั้นก็คือการใช้เซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่ ซึ่งใช้งานง่าย (และฟรี) อย่างเดียวที่คุณต้องทำก็แค่เข้าไปยังเว็บไซต์พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ เลือกเซิร์ฟเวอร์และพิมพ์ URL ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการเข้าชม ในขณะที่พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์จะซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ แต่ ISP ของคุณก็ยังสามารถมองเห็นทุกอย่างที่คุณทำบนโลกออนไลน์ได้ เพราะว่ามันไม่มีการเข้ารหัส

หากคุณมีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว VPN ส่วนใหญ่นั้นจะมาพร้อมกับส่วนขยายของ Chrome แต่ขอให้ทราบไว้ว่าส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นเพียงแค่พร็อกซี่ที่ไม่มีการเข้ารหัสอย่างปลอดภัย วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการซ่อน IP บน Chrome หรือเบราว์เซอร์อื่น ๆ อย่างเช่น Safari หรือ Firefox ก็คือการใช้แอป VPN นอกจากมันจะซ่อน IP ของคุณในเบราว์เซอร์แล้ว มันยังซ่อนในทุก ๆ แอปที่คุณใช้งานซึ่งต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แถมแอป VPN ยังช่วยปกป้องคุณด้วยการเข้ารหัสระดับทหาร และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอีกด้วย ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ทำให้แม้แต่ ISP ของคุณก็ไม่สามารถติดตามสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์ได้

โปรดทราบว่าคนมักจะเข้าใจผิดว่าโหมด Incognito นั้นจะซ่อน IP ของคุณ สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงเลย โหมด Incognito จะลบคุกกี้และประวัติการท่องเว็บทั้งหมดออกจาก Chrome เมื่อคุณปิดหน้าต่าง กิจกรรมและข้อมูลทั้งหมดของคุณยังคงปรากฏต่อ ISP ของคุณ

ฉันจำเป็นต้องซ่อน IP ในระหว่างทอร์เรนต์ไหม

ฉันขอแนะนำให้ซ่อน IP ของคุณในขณะที่ทำการทอร์เรนต์ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ทอร์เรนต์ คือรูปแบบหนึ่งของการแบ่งปัน P2P ซึ่งหมายความว่าคุณดาวน์โหลดไฟล์จากผู้ใช้รายอื่นและแชร์ไฟล์ของคุณเอง ดังนั้น IP ของคุณจึงถูกเปิดเผยต่อผู้อื่น ซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุตำแหน่งของคุณหรือกำหนดเป้าหมายคุณได้

คุณสามารถซ่อน IP ของคุณในขณะที่ทำการทอร์เรนต์ได้หลายวิธี แต่ทางเดียวที่ฉันแนะนำคือ VPN มันต่างจากวิธีอื่น ๆ ตรงที่มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับโลก เช่น การเข้ารหัสระดับทางการทหาร Kill switch และการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณได้รับการปกป้องอย่างดีจากการโจมตี DDoS และภัยคุกคามจากมัลแวร์ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่ทำการทอร์เรนต์ นอกจากนี้ นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของ VPN ช่วยให้แน่ใจว่ากิจกรรมทั้งหมดของคุณจะไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นแม้แต่ ISP ของคุณก็ไม่เห็นกิจกรรมใด ๆ ของคุณ

ถ้าฉันซ่อน IP ของฉันแล้ว ฉันจะสตรีม Netflix ได้ไหม

คุณสามารถซ่อน IP ของคุณขณะรับชม Netflix ได้โดยใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์หรือ VPN สำหรับ Netflix ทั้งสองตัวเลือกนี้จะแทนที่ IP จริงในไทยของคุณด้วยจากประเทศอื่น ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าคุณอยู่ที่นั่นจริง ๆ ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของอเมริกาจากออสเตรเลียจะทำให้ Netflix คิดว่าคุณอยู่ในอเมริกา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง Netflix อเมริกาได้

เนื่องจาก Netflix อัปเดตเทคโนโลยีการบล็อกทางภูมิศาสตร์เป็นประจำ IP จำนวนมากของ VPN และพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์จึงถูกบล็อก VPN มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งหมายความว่ามีตัวเลือกมากมายในการปลดบล็อก Netflix นอกจากนี้ยังมีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ซึ่งหมายความว่า IP จริงของคุณจะไม่รั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ หากมันรั่วไหลแสดงว่าคุณมีโอกาสปลดบล็อก Netflix น้อยมาก

ทำไมฉันถึงควรซ่อน IP

 IP ที่มองเห็นได้สามารถเปิดเผยข้อมูลของคุณได้ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวอย่างมาก มันสามารถเปิดเผยตำแหน่งจริงและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณกับบุคคลอื่น เช่น กิจกรรมการใช้งานของคุณ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือช่วยให้ ISP ของคุณเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่านและบัตรเครดิตและสามารถใช้รายละเอียดเหล่านี้เพื่อเชื่อมโยงไปยังกิจกรรมและข้อมูลประจำตัวของคุณ

นี่คือวิธีในการซ่อน IP ของคุณและเหตุผลที่คุณควรซ่อนมัน:

• ปกป้องข้อมูลของคุณจากผู้ประสงค์ร้าย หากผู้ประสงค์ร้ายเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ พวกเขาสามารถเข้าถึงบัญชีส่วนตัวและกำหนดเป้าหมายคุณด้วยการโจมตีที่คุณไม่ต้องการ รวมถึงไวรัส มัลแวร์และสปายแวร์
• ทอร์เรนต์ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว การทอร์เรนต์เป็นรูปแบบของการแชร์ไฟล์แบบ P2P หาก IP ของคุณเปิดเผยต่อผู้ใช้คนอื่น พวกเขาสามารถกำหนดเป้าหมายคุณด้วยมัลแวร์และการโจมตี DDoS
• เลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ เว็บไซต์และบริการจำนวนมากบังคับใช้การปิดกั้นทางภูมิศาสตร์โดยตรวจสอบ IP และปิดกั้นที่ไม่ตรงกับตำแหน่งของพวกเขา การซ่อนและเปลี่ยน IP ของคุณช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านั้นได้จากทุกที่
• หลีกเลี่ยงการสอดแนมออนไลน์ บางประเทศทำการสอดแนมประชากรของตนเองโดยการติดตามกิจกรรมออนไลน์ ตัวอย่าง ได้แก่ ประเทศสมาชิกของ 14 Eyes และจีน  IP ของคุณสามารถเปิดเผยกิจกรรมของคุณได้ ดังนั้นการซ่อนเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเฝ้าระวังที่ไม่ต้องการได้
• รับการป้องกันบนเครือข่าย WiFi สาธารณะ เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้เครือข่าย WiFi สาธารณะ คุณจะแบ่งปัน IP ของเครือข่ายนั้น ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเจาะการเชื่อมต่อของคุณ เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและควบคุมอุปกรณ์ของคุณได้อย่างง่ายดาย

 IP คืออะไร

ที่อยู่ IP นั้นเป็นเซตข้อมูลตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ทางออนไลน์ เมื่อคุณส่งข้อมูลไปให้เว็บไซต์หรือบริการออนไลน์ดู ที่อยู่ IP ของคุณก็จะถูกส่งไปด้วย นี่ทำให้ที่อยู่ IP ของคุณเป็นสาธารณะ แปลว่า ISP ของคุณจะสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และนำข้อมูลนั้นไปให้กับรัฐบาล, ผู้โฆษณา หรือคนอื่นได้ คุณสามารถเปิดดูที่อยู่ IP ของคุณได้ด้วยการไปที่เว็บไซต์อย่าง ipleak.net เนื่องจากการทำให้ที่อยู่ IP ของคุณเป็นสาธารณะนั้นมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวสูง ใครหลายคนจึงต่างก็เลือกใช้ VPN เพื่อซ่อนที่อยู่ IP ของตัวเอง

VPN จะแทนที่ที่อยู่ IP ของคุณด้วย ที่อยู่ IP ใหม่ภายในไม่กี่วินาที ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว นี่หมายความว่าคุณจะใช้งานที่อยู่ IP ส่วนตัวของเซิร์ฟเวอร์แทน และมันก็ไม่ได้บันทึกข้อมูลสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์เก็บไว้ด้วย ดังนั้น ISP ของคุณและบุคคลที่สามอื่น ๆ ก็จะไม่สามารถดูได้ว่าคุณทำอะไร

นอกจากนี้แล้วที่อยู่ IP นั้นก็มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่:IPv4 และ IPv6 ที่อยู่ IPv4 นั้นมีความสั้นกว่ามาก และก็พบเห็นได้ทั่วไปมากกว่าเนื่องจากมันอยู่มานานกว่า ในทางตรงกันข้าม ที่อยู่ IPv6 นั้นจะยาวกว่าและก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้พอใช้งานกับความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก มันเร็วกว่าและปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับที่อยู่ IPv4 ทั้งสองแบบนั้นทำหน้าที่เหมือนกัน ดังนั้นมันจึงไม่แตกต่างกันมาก

ซ่อน IP ของคุณด้วย ExpressVPN

ซ่อน IP ของคุณเลยวันนี้

การเลือกวิธีการที่น่าเชื่อถือเพื่อซ่อน IP ของคุณนั้นสำคัญเสมอ เนื่องจากบางวิธีมีความเสี่ยงและไม่น่าเชื่อถือมากเท่าวิธีอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณไม่ต้องการใช้เทคนิคที่ทำให้ข้อมูลของคุณปรากฏต่อบุคคลที่สามที่ไม่ต้องการหรือทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงอย่างมาก

ดังนั้นฉันจึงทดสอบวิธีในการซ่อน IP ของคุณและเลือก 5 ตัวเลือกที่ทำงานได้ดีที่สุด ตัวเลือกทั้งหมดมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหมายความว่าบางตัวเลือกเหมาะสำหรับบางสถานการณ์มากกว่าสถานการณ์อื่น ๆ

ตัวเลือกที่ฉันชอบมากที่สุดคือ VPN VPN อย่าง ExpressVPN นั้นใช้งานได้ง่าย มีฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและให้การเชื่อมต่อความเร็วสูง ทำให้เหมาะสำหรับกิจกรรมทุกรูปอบบ แถมบริการยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันที่ให้คุณสามารถทดลองใช้ ExpressVPN ได้โดยไม่มีความเสี่ยง ถ้าคุณคิดว่าบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณสามารถขอรับเงินคืนได้

สรุปได้ว่า VPN ที่ดีที่สุดในการซ่อน IP ของคุณคือ...